ช่วงนี้มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในอเมริกา โดยเฉพาะเหตุการณ์เดือดในรัฐเท็กซัสที่อาจกลายเป็นชนวนสงครามในอเมริกา บอกตรงๆเลยว่าจุดเริ่มต้นแบบนี้ใกล้เคียงกับยุคเกิดสงครามกลางเมืองไม่มีผิด อเมริกานั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่มีเพื่อนบ้านแค่สองประเทศ ทางเหนือติดแคนาดา ส่วนทางใต้ติดเม็กซิโก
เพื่อนบ้านทางใต้นี่แหละคือปัญหาหนักอกของอเมริกา ด้วยเหตุที่มวลมหาเม็กซิกันต่างหาทางแหกพรมแดนมาหางานทำในอเมริกาเพียบ เพราะรายได้ดีกว่าหลายเท่า แม้จะป้องปรามแน่นหนายังไงก็แห่มากันโครมๆ จนมีขบวนการขนเม็กซิกันลักลอบข้ามพรมแดนจนทุกวันนี้
ขบวนการทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้มาแค่แรงงานเถื่อน แต่พ่วงยาเสพติดมาด้วย ต่อให้สร้างกำแพงล้อมรั้วขนาดไหน พี่เม็กก็ไม่ย่อท้อ ถึงขั้นขุดอุโมงค์ข้ามพรมแดนมาโผล่ในอเมริกายิ่งกว่าขอมดำดิน เรียกว่าสร้างปัญหาให้รัฐชายแดนตลอดเวลา
ช่วงที่ตาลุงผมเป๋ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ลุงแกยืนยันขันแข็งว่าต้องสร้างกำแพงกั้นไม่ให้พี่เม็กเข้ามาได้ง่าย จนกลายเป็นสโลแกนที่เวลาทรัมป์ไปหาเสียง
พอถึงช่วงไบเดนเป็นประธาธิบดี นโยบายก็พลิกขั้ว ประมาณไหนๆ กีดกันพี่เม็กไม่ได้ ก็ให้เข้ามาแบบถูกต้องตามกฎหมายแล้วเสียภาษีให้อเมริกาครบถ้วนด้วยนะ ฟังดูเหมือนดี มีหลักการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พี่เม็กดาหน้าลักลอบเข้าอเมริกาแบบผิดกฎหมายอยู่ดี แล้วรัฐชายแดนนี่แหละคือรัฐที่ได้รับผลกระทบมากสุด ซึ่งรัฐเหล่านี้คือรัฐที่หนุนทรัมป์แบบสุดติ่งกระดิ่งแมว
พูดถึงทรัมป์แล้วต้องวกมาที่ผลเลือกตั้ง ก่อนที่จะส่งตัวตึงตัวเต็งของสองพรรคให้กัดกันในศึกเลือกตั้ง จะต้องมีการควานหาตัวเต็งในพรรค ในส่วนของเดโมแครตนั้นประมาณว่าจะส่งลุงโจ ไบเดนมาลงอีกรอบ ฟังแล้วทุกคนต่างก็ถอนหายใจ ในฝั่งรีพับลิกัน แรกๆ มีตัวเต็งหลายคน แต่ตอนนี้เหลือนิกกี้ เฮลีย์ที่ดูสูสี แต่กลายเป็นว่าลุงทรัมป์ลอยลำชนะนิกกี้ ทั้งที่คดีความของลุงแกรอบเอวนี่แหละ คงต้องจับตามองกันต่อไป
ความวัวไม่ทันหายความควายก็แทรก เมื่อลุงผมเป๋ทรัมป์ประกาศกร้าวระดมรัฐที่สนับสนุนตนให้ส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติหรือ National Guard ไปยังเท็กซัส เพื่อป้องกันพวกลักลอบข้ามพรมแดนและยาเสพติด ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลยสิ อเมริกา
National Guard คือกำลังทหารส่วนรัฐ ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบกำลังสำรองของกองทัพบกและ กองทัพอากาศสหรัฐ เมื่อมีภารกิจในระดับชาติ กองกำลังป้องกันชาติอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาทั้งจากรัฐบาลกลางและจากรัฐบาลท้องถิ่น สรุปง่ายๆ ว่ามีนายสองคนนั่นเอง
เกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ผู้ซึ่งสนับสนุนลุงทรัมป์ประกาศว่าตอนนี้ผู้ว่าการรัฐ 10 คนส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือบริเวณชายแดน จากนั้นก็แขวะรัฐอื่นๆ ว่าถ้ารัฐอื่นไม่ทำตามจะผิดหวังมากจ้ะ
ส่วนผู้ว่ารัฐโอกลาโฮมาก็เอาด้วย ซึ่งผู้ว่าการรัฐรายนี้เป็นหนึ่งในผู้ว่าการรัฐสีแดง 25 คนที่ออกแถลงการณ์ว่าสนับสนุนแอ๊บบอต ซึ่งท้าทายคำตัดสินของศาลฎีกา เพราะคำตัดสินของศาล 5-4 ไฟเขียวแก่หน่วยงานควบคุมชายแดน เพื่อลดระยะทางการขึงลวดหนามที่กองกำลังเท็กซัสสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง ตามแนวแม่น้ำริโอ แกรนด์ และรอบๆ สวนสาธารณะเชลบี ในอีเกิลพาส ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการข้ามชายแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต
บอกตรงๆ ว่าสถานการณ์คุกรุ่นมาก ระหว่างรัฐบาลกลางกับผู้ว่าการรัฐที่สนับสนุนลุงทรัมป์ จุดประทุคือเมื่อหลายวันก่อนมีผู้อพยพหญิงกับเด็กอีกสองคนจมน้ำตายที่ชายแดน ทำให้รัฐบาลไบเดนกล่าวโทษรัฐเท็กซัส ซึ่งพี่เกร็ก ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสที่ปากแจ๋วไม่เป็นรองใครสวนกลับเต็มตีน ด่ามาด่ากลับไม่โกง ซัดรัฐบาลลุงโจเต็มเหนี่ยวว่ารัฐบาลลุงนั่นแหละที่ละเลยเรื่องการป้องกันชายแดน จากนั้นพี่เกร็กก็เพิ่มกองกำลังการควบคุมชายแดนเพิ่มเป็นสองเท่า
จะว่าไปพี่เกร็กแกก็หัวหมอ เพราะอ้างคดีศาลฎีกาปี 2012 ที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างรัฐแอริโซนากับสหรัฐอเมริกา ว่ารัฐต่าง ๆ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการปกป้องตนเองหากรัฐบาลกลางล้มเหลว คือซัดกลับรัฐบาลกลางอีกดอกว่ารัฐบาลกลางล้มเหลวโดยสิ้นเชิงนั่นเอง
ทีนี้ความตึงเครียดอยู่ที่รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นนี่แหละ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิคงต้องส่งกองกำลังจากส่วนกลางเข้าพื้นที่ขัดแย้ง แต่ดูทรงแล้วรัฐเท็กซัสคงไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลกลางอย่างแท้ทรู แถมตอนนี้อัยการสูงสุดของรัฐเท็กซัสปฏิเสธที่จะให้ตัวแทนของรัฐบาลกลางเข้าถึง Shelby Park ซึ่งเป็นจุดขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม The Insurrection Act of 1807 อนุญาตให้ประธานาธิบดีเคลื่อนกองทหารและ National Guard ภายในประเทศได้ ในบางสถานการณ์ ซึ่งรวมถึง civil disorder, insurrection, rebellion ซึ่งการกระทำของเท็กซัสจะเข้าข่ายนี้ไหม คงต้องตีความตามกฎหมายแหละจ้า สาธุชนทั้งหลาย
ย้อนหลังกลับไปในประวัติศาสตร์ก็เคยเกิดความขัดแย้งแบบนี้จนลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง จุดเริ่มมาจากรัฐทางใต้ 13 รัฐที่ไม่พอใจรัฐบาลกลางจนถึงขั้นแยกตัวไปเป็นอิสระ เวลานั้นอับราฮัม ลินคอร์นเป็นประธานาธิบดี วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1861 รัฐทาสฝ่ายใต้ 7 รัฐรวมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐและประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกาทันที แถมมีการแต่งตั้งเจฟเฟอร์สัน เดวิด อดีตวุฒิสมาชิกรัฐมิสซิสซิปปี้เป็นประธานาธิบดีซ้อนขึ้นมา โดยไม่ยอมรับอำนาจของรัฐทางเหนืออีกต่อไป มิหนำซ้ำยังประกาศใช้รัฐธรรมนูญของตัวเองอีกต่างหาก จากนั้นก็แบ่งฝ่ายต่อสู้กันเองหลายปีเป็นสงครามกลางเมืองในอเมริกา
แต่พอถึงปีค.ศ.นี้ ความเข้มข้นแบบจุดกำเนิดสงครามกลางเมืองคงไม่เกิด อย่าลืมว่าปีนี้เป็นปีเลือกตั้ง ที่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เพื่อหนุนทรัมป์ในขณะที่กองหนุนโจ ไบเดนแทบไม่เหลือ อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้แสดงให้เห็นจุดแตกร้าวระหว่างรัฐที่สนับสนุนรีพับลิกันกับรัฐที่สนับสนุนเดโมแครตอย่างชัดเจน ส่วนจากลากไปสู่จุดไหนนั้น คงต้องติดตามตอนต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี