แต่ไหนแต่ไรมา รัฐบาลจะปล่อยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระ ไม่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงหรือแม้แต่จะข้องแวะ คืออย่างไร ทุกวันนี้ รัฐบาลผสม ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ปล่อยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระ มิใช่หรือ ?
ใช่ รัฐบาลทุกวันนี้ปล่อยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสะ ไม่ก้าวก่าย แทรกแซง เพราะไม่มีใครจะไปก้าวก่าย แทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทยได้ อยากจะปลดผู้ว่าการธนาคาร อยากจะเปลี่ยนตัว ก็ทำไม่ได้
ทำได้แต่กระแหนะกระแหน เช่นบอกว่า เสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยหลายหนแล้ว แต่ผู้ว่าก็ยังฐิติ
ทำได้แค่นี้ นี่คือรัฐบาลที่บอกว่า เป็นประชาธิปไตย มาจากเสียงของประชาชน และรวมเสียงข้างมากในรัฐสภามาได้ ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับยุคสมัยของเผด็จการ สฤษดิ์ ถนอม /ประภาส เผด็จการสมบูรณ์แบบเหล่านี้ ไม่เคยบ่น ไม่เคยกระแหนะกระแหน ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สมัยที่เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แม้สักนิดเดียว
ดร. ป๋วย เป็น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2502 จนถึง วันที่ 15 สิงหาคม 2514
12 ปีในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่มาจากเผด็จการไม่เคย แตะต้อง ดร.ป๋วยเลยแม้สักนิดเดียว
ตรงกันข้าม กลับเป็น ดรป๋วย เสียอีกที่มีจดหมายเปิดผนึกในนามของ นายเข้ม เย็นยิ่ง ถึงผู้ใหญ่ทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้าน ไทยเจริญ (จอมพลถนอม กิตติขจร) เนื้อหาของจดหมาย เป็นคำชี้แนะด้วยความเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง ในหลายๆ เรื่อง หลายๆ ปัญหา
เป็นจดหมายที่ดังกระหึ่มในยุคสมัยนั้น
แต่ ก็ไม่ได้เขียนในขณะที่ท่านเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ป๋วยท่านเขียนจดหมายในขณะที่ท่านเป็น อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นาย เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ?
ปัญหามาจากระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายเศรษฐา ผู้ที่พรรคเพื่อไทยส่งรายชื่อ เป็นหนึ่งในบุคคลที่พรรคเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี เสนอนโยบายแจกเงินคนไทยทุกคน คนละ 1 หมื่นบาท ให้ทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน อายุ 16 ปีขึ้นไปได้หมด จะแจกเป็นเหรียญดิจิตอล วอลเล็ต ให้จับจ่ายใช้สอยได้กับร้านค้าใกล้บ้าน
โครงการดังกล่าวนี้จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท
พอนโยบายดังกล่าวนี้ประกาศออกไปก็มีทั้งที่เห็นด้วย และที่ออกมาคัดค้าน
ผู้ที่เห็นด้วยก็ ด้วยหวังว่าอยู่เฉยๆก็จะได้เงิน หมื่นบาท ในบ้านมี 5-6 คน ก็จะได้ 5-6 หมื่นบาท มากโขอยู่ พวกนี้ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขการแจกด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกันก็มีคนออกมาคัดค้าน ที่สำคัญ เป็นนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้เหตุผลว่า เป็นการสร้างหนี้ให้กับประเทศชาติ ในขณะที่ทุกวันนี้หนี้ก็ยังเยอะอยู่
สังคมจับตาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจะว่าอย่างไร ?
ท่านผู้ว่า ประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลายครั้ง ท่านก็รักษามรรยาท ไม่ได้ออกมาคัดค้านโดยตรง แต่ก็จับความได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศไม่ถึงขั้นวิกฤติ ถ้ารัฐบาลจะแจก ก็ให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย
ขณะเดียวกับที่ นายเศรษฐา พูดกับคนในประเทศว่า ประเทศเรากำลังวิกฤติ (เพื่อที่จะให้คนไทยเห็นด้วยกับการกู้เงินมาแจก) แต่เวลาไปต่างประเทศ ไปบอกนักลุงทุนเขาว่า ประเทศไทยเศรษฐกิจดี น่าลงทุน
นี่น่าจะพูด เพราะคิดว่าคนอื่นเขาโง่ เพราะไม่ว่าจะพูดที่ไหนมันก็เป็นข่าว นายเศรษฐา ไม่ห่วงเลยสักนิดว่า จะกลายเป็นบุคคลไม่น่าเชื่อถือ หรือเชื่อถือไม่ได้
ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง จนได้เป็นรัฐบาล เงื่อนไขคนที่จะได้รับแจกเงินก็เปลี่ยนไปเรื่อย วันเวลาก็ยืดไปเรื่อย ความไม่น่าเชื่อในนโยบายดังกล่าวว่าจะเป็นไปได้ (ล้มเหลว) ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาการลดดอกเบี้ย หรือไม่ลดดอกเบี้ยเป็นอย่างไร ?
นายเศรษฐา เห็นว่า ทุกวันนี้ ดอกเบี้ยสูง อยากให้ดอกเบี้ยลดลงมา จึงได้พูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อดอกเบี้ยยังไม่ลด ท่านก็กระแหนะกระแหน ผู้ว่า ยังมีฐิติ คนที่ไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยไม่รู้หรอก
ความจริงก็คือ การคงอยู่ เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง นั้นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตัดสินใจเอง โดยพลการไม่ได้
ทิศทางการเงินของประเทศขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการการเงิน คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทย 3 คน คนนอกอีก 4 คน จะประชุมกัน ทุก 7 - 10 สัปดาห์ เพื่อติดตามสถานการณ์ กำหนดนโยบาย ทิศทางการเงินของประเทศ
ไม่ใช่ใครจะมีอำนาจ และทำได้ตามอำเภอใจ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี