“ฉลาด” กับการ “คิดเป็น” ผิวเผินอาจดูคล้ายแต่ดูให้ดีช่างแตกต่าง เพราะ “คนคิดเป็น อาจไม่ต้องฉลาด คนฉลาดอาจคิดไม่เป็น” - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
นานมากแล้ว...ครั้งหนึ่งหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ว่า “นักเรียนต้องคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น” ซึ่งผมชอบวัตถุประสงค์นี้มากกว่าหลักสูตรอื่นๆ (กระทรวงศึกษาธิการจะปรับปรุงหลักสูตรเป็นช่วงๆ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ของโลก และทุกหลักสูตรก็จะเปลี่ยนวัตถุประสงค์ตามด้วย เช่นเดียวกับคำขวัญวันเด็กที่เปลี่ยนกันทุกปี ส่วนจะได้รับผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
คุณพิธาและหลักสูตรการศึกษาต่างก็พูดถึงเรื่อง “ความคิด” ส่วนผมก็เห็นว่า“ความคิด” เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของคนเพราะคน “กระทำ” สิ่งใดๆ ก็ล้วนกระทำตามความคิดทั้งนั้น หรือคิดก่อนแล้วจึงกระทำ ไม่ว่าจะคิดถูกหรือผิด คิดดีหรือคิดชั่ว
ส่วนคนที่กระทำก่อนจึงคิดนั้นเพราะไม่มีสติ-สัมปชัญญะ จึงกระทำไปตามสัญชาตญาณของสัตว์ (คนเป็นสัตว์โลกพันธุ์หนึ่งที่มีสัญชาตญาณเช่นเดียวกับสัตว์พันธุ์อื่นๆ)
ความคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร?
คนคิดด้วยภาษา ถ้าไม่มีภาษาก็คิดไม่ได้
ก่อนมีภาษาอย่างเป็นระบบคนสื่อสารกันอย่างไร?
คำตอบก็คือ สื่อสารกันด้วยท่าทาง น้ำเสียงภาพวาด ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นภาษาพูด จากนั้นก็ประดิษฐ์อักษรขึ้นมาเป็นภาษาเขียน เราจึงสื่อสารกันด้วยภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาท่าทาง ภาพและสัญลักษณ์อื่นๆ เช่น ป้าย สัญญาณจราจร เป็นต้น จะคิดได้ก็ต้องจำภาษาให้ได้
คนแต่ละคนคิด พูด และกระทำแตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับสติ สัมปชัญญะและปัญญาของเขา
สติ สัมปชัญญะและปัญญาของเขามีหรือไม่ มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับ “การเห็น”
การเห็น(ทิฏฐิ) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ “สัมมาทิฏฐิ” กับ “มิจฉาทิฏฐิ” หรือการเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงกับความเห็นผิดจากความเป็นจริง ซึ่งคนที่มีปัญญาอยู่บ้างก็จะแยกออกว่าการเห็นอย่างใดจริงหรือไม่จริง
สังคมยุคใหม่นั้นหาคนแยกแยะได้ยาก ส่วนมากก็แห่แหนไปตามกระแสของสังคม แห่แหนไปตามการปลุกเร้า-ปลุกระดม การโฆษณา แห่แหนไปตามคนหล่อคนสวย คนพูดเก่ง คนอวดรู้ คนสร้างภาพ เป็นอย่างนี้แทบทุกเรื่อง
เราจึงอยู่ในยุค “ตามจ่าฝูง” ที่กำลังเตลิดไปอย่างผิดทางเสียส่วนมาก และเราก็ไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิดเพื่อให้ทัน ไม่เช่นนั้นจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังหรือตกกระแส เราจึงไม่มีสมาธิพอที่จะพิจารณาสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมและในโลกว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง การเห็นและการคิดอย่างไหนผิดหรือถูก
การเห็นนี้เองที่ชี้ว่าใครคิดผิดหรือคิดถูก ใครคิดเป็นหรือคิดไม่เป็น ใครมีปัญญาหรือโง่เขลา
กลับไปดูความเห็นเรื่องความคิดของคุณพิธาที่ว่า “ฉลาด” กับการ “คิดเป็น”ผิวเผินอาจดูคล้าย แต่ดูให้ดีช่างแตกต่าง เพราะ“คนคิดเป็น อาจไม่ต้องฉลาด คนฉลาดอาจคิดไม่เป็น”
ผมเห็นด้วยว่า “ฉลาด” กับการ “คิดเป็น”นั้นแตกต่างกัน เพราะฉลาดนั้นมีความหมายกลางๆ จะฉลาดในทางดีก็ได้ ในทางชั่วก็ได้ ฉลาดในการเอาเปรียบ คดโกง กดขี่ ขูดรีดก็ได้ ฉลาดที่จะหลอกลวง – ปิดกั้น – กดทับความชั่วของตัวไม่ให้ใครรู้เห็นก็ได้ หรือฉลาดที่จะแก้ปัญหา ฉลาดที่จะสร้างเรื่องที่ดีมีประโยชน์แก่ตนและสังคมก็ได้
ส่วนคิดเป็นนั้นมีความหมายในทางที่ดีคนคิดเป็นก็คือคิดอย่างถูกต้องตามจริง(สัมมาทิฏฐิ) ซึ่งก็มาจากการเห็นที่ถูกต้อง เรียกว่ามีปัญญา ผมจึงเห็นด้วยกับคุณพิธาอีก ว่า “คนคิดเป็นอาจไม่ต้องฉลาด คนฉลาดอาจคิดไม่เป็น” ซึ่งเป็นแค่ความเข้าใจความเหมือนและแตกต่างของ 2 คำนี้
แต่ข้อสังเกตจากของจริงก็คือ เราคิดว่าเราคิดเป็น แต่กลับคิดไม่เป็น หรือเราคิดเป็น แต่ทำไม่เป็น ร้ายกว่านั้น เราคิดเป็นอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่าง เช่น เราคิดเป็นและรู้ว่าศีล 5 นั้นดีมีประโยชน์ทั้งแก่ชีวิตตนและสังคม แต่เรากลับไม่เคยทำตามศีลหรือทำตรงกันข้าม เพื่อผลประโยชน์ของเราหรือไม่ก็โง่เขลา
อย่างที่สำนวนไทยกล่าวว่า “มือถือสากปากถือศีล” “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก”“ดีแต่ปาก” หรือ “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” ซึ่งคนประเภทนี้มีแทบทั้งโลก
การตัดสินครั้งสุดท้าย...ว่าใครคิดเป็นหรือไม่เป็นจึงไม่ใช่แค่ “การแสดงวาทะ”แต่ต้อง “กระทำ” เพื่อยืนยันว่าเรา“คิดเป็น” หรือความคิด วาทะและการกระทำนั้นตรงกัน ไม่เช่นนั้นเราก็เป็นเหมือนพระทุศีลที่เทศนาสั่งสอนคนได้อย่างน่าศรัทธา แต่การกระทำกลับมุ่งหาผลประโยชน์และอำนาจใส่ตัว
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี