เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศที่รับรู้ข่าวไฟไหม้ตลาดศรีสมรัตน์เมื่อใกล้เช้าของวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นโซนจำหน่ายสัตว์เลี้ยงอยู่ภายในบริเวณตลาดสวนจตุจักรอีกที จะรู้สึกเศร้าสลดหดหู่หัวใจเหมือนๆ กัน เพราะไม่เพียงไฟจะทำให้ห้องเช่าทำเป็นร้านค้าเสียหายร้อยกว่าล็อกสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังอยู่ในกรงต้องถูกไฟคลอกตายมากกว่า 5,000 ตัว!
ตัวเลขที่เปิดเผยเบื้องต้นอย่างเป็นทางการ (อาจจะมากกว่านี้) ได้แก่ ปลากว่า 3,500 ตัว, นก 1,382 ตัว, ไก่ 217 ตัว, เต่า 100 ตัว, แมว+หมา 62 ตัว, กระรอก 30 ตัว, ชูการ์ไรเดอร์ 30, แร็คคูน 10 ตัว และที่เหลือเป็นลิง, งู, เม่น, หนู ฯลฯ
นึกภาพตามแล้วก็สยดสยอง สัตว์มาตายเพราะความต้องการของมนุษย์แท้ๆ
ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นเจ้าของพื้นที่ จนได้ยินผู้ค้ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์ในข่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้ปล่อยให้ร้านค้าเช่าเพื่อทำการค้าขายสัตว์ และเปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแลอีกชั้นหนึ่ง
ตามประสาประเทศที่ผู้คนถนัดกับการสร้างและสะสมปัญหา พอเกิดเหตุหนึ่งก็มักจะลากไปเปิดแผลอีกด้านหนึ่ง เพราะจากการสำรวจร้านค้าสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพฯ 230 กว่าแห่ง (น่าจะยังมีจำนวนมากกว่านี้)ร้านที่มีใบขออนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมายมีอยู่แค่ 30 ร้าน! จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงที่ถูกไฟไหม้ ส่วนใหญ่จะไม่มีใบอนุญาต
บ้านเรามีกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมและการสวัสดิภาพสัตว์ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนเชื่อ สถานที่ขายสัตว์หลายแห่งขาดมาตรฐาน แออัด และไม่ปลอดภัย รวมถึงการนำเข้าสัตว์แปลกๆ จากต่างประเทศ ซึ่งไม่รู้ว่าจะก่อเกิดโรคภัยหรืออันตรายอะไรบ้าง เคยมีข่าวการจับกุมการลักลอบนำเข้าสัตว์จากเมืองนอก แต่ก็นานจนเกือบลืมไปแล้ว
เรื่องนี้เป็นไปตามกฎดีมานด์และซัพพลายเป๊ะ เมื่อมีคนประหลาดชอบเลี้ยงสัตว์ประหลาด ก็มีคนไปหามาตอบสนอง จะผิดกฎหมายหรือไม่-ไม่สำคัญ ตราบใดที่ขายได้เงิน
ไม่นานปีมานี้ บริเวณตลาดนัดสวนจตุจักรก็มีเหตุไฟไหม้ใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง คือ เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 โซนขายเสื้อผ้า และเดือนพฤศจิกายน 2564 โซนขายเฟอร์นิเจอร์ พอเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งหนึ่ง ผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ตื่นตัว ประกาศมาตรการป้องกันโน่นนั่นนี่ สวยหรูหน้างานกันไป แล้วจากนั้นก็เงียบหายไป จบเร็วเหมือนไฟไหม้ฟาง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จากตัวเลขที่บันทึกไว้ การรถไฟฯมีที่ดินทั่วประเทศกว่า 2 แสน 3 หมื่นไร่ เป็นที่ดินเพื่อเพิ่มการเดินรถ 198,647.71 ไร่และใช้ในการพาณิชย์ ก็คือปล่อยให้เอกชนเช่าทำธุรกิจ 36,302.18 ไร่ หลายแห่งปล่อยให้เช่าแล้วก็เก็บเงินมหาศาลไปเพลินๆอย่างที่ดินแถวริมถนนวิภาวดีรังสิต, แถวย่านรัชดาภิเษก, อาร์ซีเอ ที่ให้โครงการนารายณ์ของธนาคารกรุงเทพเช่า หรือแถวมักกะสันที่ให้เครือ ซีพี ได้สัมปทาน
ความจริง การรถไฟแห่งประเทศไทย ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อลูกค้าที่มาเช่าพื้นที่ เพราะได้เงินมากก็ตอบแทนเขาด้วย ค้าขายแล้วก็ไม่ใช่จะเสวยสุขอย่างเดียว
การรถไฟฯ ควรจะหาเครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector) และเครื่องฉีดน้ำอัตโนมัติ (Fire Springer) มาติดตั้งให้ทุกล็อก และต่อระบบท่อน้ำให้ล็อกทั้งหมดที่ให้เช่าทำร้านค้า ซึ่งระบบอย่างนี้ เมื่อก่อนเราจะนึกถึงโรงแรมหรืออาคารใหญ่ๆ ใช้กัน ราคาต้องแพงมาก เดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เครื่องจับควันและเครื่องฉีดน้ำมีขายในราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยจนถึงหลักพัน เปิดหาดูตามเว็บไซต์ขายของก็ได้
แม้ไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมายที่จะต้องทำ เป็นเรื่องของน้ำจิตน้ำใจ และจะสร้างความสะดวกปลอดภัยให้ลูกค้า รวมถึงชาวบ้านที่มาใช้บริการ ขนหน้าแข้งของ การรถไฟฯ คงไม่กระเทือน
ผมไม่ได้มาชี้โพรงให้กระรอกในการจัดซื้อจัดหาโดยบวกๆ อะไรเข้าไป ซึ่งเป็นพิมพ์นิยมของราชการและรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย ผมคิดแต่แง่ของความปลอดภัย
เพราะวันหนึ่งข้างหน้า หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่อไปที่ถูกไฟคลอกอาจจะไม่ใช่สัตว์เล็กสัตว์น้อย แต่เป็นคนหลายสิบหรือหลายร้อยชีวิตที่งอก่องอขิงไหม้ดำเป็นตอตะโก
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี