ความฝันนั้นมี 2 ชั้น ชั้นแรกคือความฝันในระดับ “ปรมัตถสภาวธรรม” พูดให้สั้นสุดก็คือความเป็นไตรลักษณ์ของสากลจักรวาล ชั้นที่ 2 คือความฝันของคนแต่ละคน ที่ฝันในยามตื่นและยามหลับ มันเป็นความฝันเดียวกับความฝันชั้นที่ 1 เป็นฝันซ้อนฝัน
ผมจะพูดถึงความฝันอย่างหลัง เพราะมนุษย์ทุกคนมีความฝัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ยุคไหนเราต่างคนต่างฝัน ฝันจะมี ฝันจะเป็น ฝันจะได้ เมื่อฝันแล้วก็ต้องสร้างหรือกำหนด “เป้าหมาย ความรู้ แผนการ วิธีการ” ที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง
เมื่อสร้างหรือกำหนดแล้วเราก็ต้องลงมือทำเราจึงใช้ชีวิตตัวเองเป็นเครื่องมือของความฝัน
หลายปีมานี้ ผู้คนในประเทศไทยมีความฝันเพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น มันเป็นความฝันเก่าแก่ แต่มีคนลอกเลียนมาขายใหม่ ซึ่งก็มีเหตุมาจากการเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะการเมืองในสมัยที่กำเนิด “พรรคของคนรุ่นใหม่” เป็นต้นมาจนถึงวันนี้
เจ้าของพรรคและแกนนำซึ่งเป็นสหายกันนั้นไม่ได้สร้างลัทธิแห่งความฝันขึ้นเอง (แม้จะป่าวประกาศว่ามันเป็นสัจธรรม) แต่ลอกเลียนความฝันของคาร์ล มาร์กซ์ มาเป็นความฝันของพวกตน คือฝันถึง“รัฐสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์” อย่างที่พวกเขาร่วมกันออกแบบ
พวกเขาตั้งพรรคการเมืองก็เพื่อจะสร้างความฝันอันเก่าแก่นั้นให้เป็นจริง และเผยแพร่ความฝันนั้นสู่สังคมด้วยที่เรียกว่า “นโยบาย” เพื่อให้ผู้คนรับเอาความฝันนั้นไปเป็นของตนด้วย
แต่นโยบายกลับไม่มีอะไรเป็นสังคมนิยมเลย นอกจากการกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สูญสิ้นจากสังคมไทย เพราะถ้าสถาบันนี้ยังดำรงอยู่ก็เป็นเรื่องยากอย่างสาหัสที่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นดั่งความฝันของพวกเขาได้
นโยบายต่อมาก็คือ เจตนาจะบั่นทอนกองทัพให้อ่อนแอลง เพราะกองทัพนั้นถือว่าเป็นสถาบันที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา (ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรปฏิรูปกองทัพ)
นโยบายรองลงมาก็คือ “รัฐสวัสดิการ” ซึ่งก็ไม่ใช่รัฐสังคมนิยม เพียงแต่ถูกแปรรูปมาจากสังคมนิยม
นอกจากนี้ ก็เป็นนโยบายเอาใจวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว เช่น ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร นโยบายที่ล่อใจคนทั่วไปคือประชานิยม ที่ลดแลกแจกแถมเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งเป็นโยบายที่พรรคของพวกเขาได้คะแนนมากกว่านโยบายอื่นใดทั้งหมด
นอกจากนโยบายของพรรคการเมืองแล้วยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ไม่ได้เขียนไว้ มันเป็น “นโยบายใต้ดิน” ซึ่งเป็นการปล่อยข่าวเท็จข่าวลวง การพูดคุยปลุกปั่นให้เกิดกระแสสนใจและสนับสนุนพวกเขา เช่น มีคนบอกว่าถ้าประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการ คนไทยจะสบายเพราะทำงานน้อยได้เงินมาก วันหยุดมาก มีเวลาพักผ่อนเยอะคนหนุ่มสาวหรือคนรุ่นใหม่ก็เชื่อและชื่นชอบ บอกต่อกันจนเป็นกระแส
รัฐสวัสดิการจึงเป็นแค่นโยบายประชานิยม!
นอกจากนี้ก็มีข่าวว่า “เป้าหมายแท้จริง” ต่อจากนโยบายดังกล่าวก็คือ “รัฐสังคมนิยม” ที่นักสังคมนิยมทุกรุ่นชื่นชอบและสนับสนุน และมันก็โดนใจคนหนุ่มสาวที่หัวรุนแรง ชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย
นโยบายหลักมีเป้าหมายเพื่อกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น จึงมีคนหนุ่มสาวและวัยรุ่นออกมาทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อบั่นทอน ท้าทาย ท้าชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้มาตรา 112 เป็นเป้าโจมตีและบ่อนเซาะ
ผลคือติดคุก คนที่ไม่ยอมติดก็หนีไปอยู่ต่างประเทศ แม้แต่พวกแกนนำก็มีคดีติดตัวจนวันนี้
คนที่ติดคุกบางคนลอยหน้าประกาศว่า “คุกขังร่างกายของเราได้ แต่ไม่สามารถขังจิตวิญญาณของเราได้” ฟังดูเท่น่านับถือ แต่ความจริงก็คือร่างกายของเธอถูกขังอยู่ในคุก จิตใจก็ด้วย ชีวิตของเธอถูกจองจำ แต่ความฝันไม่ได้ถูกจองจำด้วย มันยังคงล่องลอยไร้ตัวตนอย่างเสรีตามประสาความฝัน สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอก็คือ “ความเชื่อและความคิด” ตามความฝัน มันจึงไม่ได้เจ็บปวดใจและทุกข์ทรมานอย่างเธอเลย
ทั้งหมดล้วนเกิดจาก “การลอกเลียนความฝัน” ของคนอื่นมาเป็นของตนโดยไม่พิจารณา และเอาชีวิตของตนเป็นเครื่องมือของความฝันนั้น จนกระทั่งกลายเป็นเหยื่อของมัน
ความฝันไม่มีชีวิต และความฝันใดที่เคยได้พิสูจน์ตัวมันเองมาแล้วว่าเพ้อเจ้อ ไม่เป็นจริงได้ก็ไม่ควรลอกเลียนมันมาใช้อีก เพราะมันก็จะส่งผลอย่างเดิมอีก
ความฝันนั้นไม่ได้มีเพียงความฝันเดียว ไม่ใช่มีแค่คนเดียวฝ่ายเดียวที่ฝัน เราทุกคนในสังคมนี้ล้วนมีความฝันของตัวเอง เหมือนกับคนอื่นบ้าง แตกต่างบ้าง ถ้ามันแตกต่างแต่มีเป้าหมายเดียวกันก็ไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่หากเป้าหมายแตกต่างกัน และเห็นว่าเป้าหมายของคนอื่นดักดานน่ารังเกียจจนต้องกำจัด ก็ย่อมจะเกิดความขัดแย้ง เกิดแรงต้าน เกิดแรงปะทะ และเกิดการเข่นฆ่าทำลายล้างกันในที่สุด
เราไม่เคยตระหนักถึง “ความจริงแท้” ว่าโลกและชีวิตเป็นเช่นไร เราจึงหลงวนอยู่ในความฝัน เป็นเครื่องมือของมัน เป็นเหยื่อของมันกระทั่งเป็นเครื่องบูชายัญของมัน
ถ้าเอาแต่ลอกเลียนแบบ ไม่เรียนรู้ว่าความฝันไม่ใช่สติปัญญา มันเป็นเพียงมายาภาพจึงไม่สามารถใช้สร้างสังคมให้มีศานติสุขได้ ซ้ำกลับต้องเอาชีวิตและเสรีภาพของตนเข้าเสี่ยงต่อการสูญเสียอีกด้วย
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี