พอเอ่ยถึงชื่อ “บลัดดี้แมรี่” หลายคนเริ่มกลืนน้ำลาย เพราะทุกคนในโลกรู้ว่าเจ้าบลัดดี้แมรี่คือเครื่องดื่มที่หลายคนโปรดปราน แม้รสชาติจะประหลาดๆ ก็ตาม สูตรผสมของเครื่องดื่มชนิดนี้ก็พิสดารแบบจับโน่นผสมนี่
สูตรไม่มีอะไรมาก หนักของเมาเข้าไว้ บางคนบอกว่าชงดื่มตอนเช้าเพื่อถอน แต่ดูทรงแล้วไม่น่าจะถอนได้ เพราะส่วนผสมมีวอดก้า แค่อ้าปากก็ไฟลุกแล้ว ร้อนแรงจัดจ้านบาดคอแบบรัสเซีย จัดวอดก้ามา 30 มิลลิลิตร น้ำมะเขือเทศ 120 มิลลิลิตร ซอสวูสเตอร์ 1/2 ช้อนโต๊ะ ทาบาสโกหรือซอสพริกเม็กซิกันอีก 1 ช้อนโต๊ะ ฮอสเรดิชบด 1 ช้อนชา นึกไม่ออกใช่มั้ยว่าไอ้นี่คืออะไร เทียบง่ายๆ คือวาซาบิ เพราะหากหาไอ้ตัวนี้ไม่ได้ ให้ใช้วาซาบิแทน จัดไปอีก 1/2 ช้อนชา กานพลู 1 ดอก พริกไทยดำ 5 เม็ด ป่นละเอียด เกลือป่นนิดหน่อย น้ำแข็ง จากนั้นเททุกอย่างในแก้วใบโตมีฝาปิด เขย่าให้เข้ากัน ปักก้านเซเลอรี่อันเท่าหน้าแข้งลงไป ดูส่วนผสมแล้วหลายคนทำหน้าพิกล มันจะอร่อยเหรอนั่น
นักเขียนคอลัมน์ซุบซิบชาวนิวยอร์ก ลูเซียส บีบิ (Lucius Beebe) หนึ่งในคนแรกๆที่กล่าวถึงเครื่องดื่มชนิดนี้และคนจดจำกันได้ในปี 1939 เกือบ 3 ทศวรรษต่อมาในปี 1964 New Yorker ตีพิมพ์บทความที่แนะว่าบาร์เทนเดอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อแฟร์นองด์ เปอติโอต์ (Fernand Petiot) เป็นผู้คิดค้นค็อกเทลรสร้อนแรงชนิดนี้
หลายคนกล่าวอ้างว่าชื่อบลัดดี้แม่รี่มาจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์อังกฤษ เพราะในประวัติศาสตร์อังกฤษ มีพระราชินีที่ได้รับฉายาว่า “แมรี่บ้าเลือด” หรือบลัดดี้แมรี่อยู่จริง นั่นคือ พระนางแมรี่ พระราชธิดาพระองค์โตของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ปกครองอังกฤษ
พระนางแมรี่เป็นคนเคร่งศาสนา เพราะเติบโตที่สเปน ซึ่งในเวลานั้นสเปนนับถือนิกายโรมันคาทอลิก เมื่อเถลิงราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษ ทรงมีพระประสงค์จะให้อังกฤษเปลี่ยนนิกายจากนิกายแองกลิกันกลับไปเป็นโรมันคาทอลิกเหมือนเดิม ช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงเวลาแห่งการไล่ล่าปราบปรามคนที่นับถือนิกายอื่นอย่างแท้จริง รวมถึงบรรดาผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนมานับถือนิกายโรมันคาทอลิก เหล่าคริสตศาสนิกชนนิกายอื่นถูกทารุณและถูกฆ่าเป็นจำนวนมาก พระนางออกคำสั่งเผาคนต่างศาสนาต่างนิกายกว่า 300 คนทั้งเป็น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อว่า “แมรี่บ้าเลือด” (Bloody Mary)
ยังมีความเชื่ออีกเรื่องเกี่ยวกับบลัดดี้แมรี่ ที่ไม่ได้เป็นทั้งฉายาของพระราชินีอังกฤษและเครื่องดื่ม ออกจะหลอนหน่อยๆ แต่เด็กอเมริกันยังเล่นกันอยู่แบบหลอนๆ
เริ่มจากเข้าห้องน้ำแล้วปิดไฟให้มืดสนิท จากนั้นมองไปยังกระจก ที่สำคัญห้องต้องมืดพอที่จะทำให้กระจกกลายเป็นสีดำ เด็กมะริกันนิยมเล่นบลัดดี้แมรี่ในคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์ เมื่อมองกระจกแล้วให้พูดว่า
“ บลัดดี้ แมรี่ ๆๆๆๆๆๆ “
การเรียกชื่อของบลัดดี้แมรี่จะต้องเรียกติดต่อกัน 13 ครั้ง ห้ามหยุด แล้วจะเห็นผู้หญิงโชกเลือดโผล่มาในกระจก ต้องคุมสติให้อยู่ ไม่งั้นวิญญาณบลัดดี้แมรี่จะทำร้ายคนที่บังอาจรบกวน ที่สำคัญคือต้องพูดหน้ากระจกติดต่อกัน แล้วจะเห็นภาพวิญญาณปรากฎ
หลังจากที่วิญญาณมาปรากฎแล้ว บางตำรากล่าวว่าผีบลัดดี้แมรี่จะตรงมาทำร้ายคนเรียกจนถึงแก่ชีวิตหรือเป็นบ้าไปในที่สุด อย่างเบาะๆ คือควักลูกตาหรือข่วน แต่บางตำราก็บอกว่าพอผีบลัดดี้แมรี่ปรากฎกายออกมา เพื่อลากคนเรียกเข้ากระจกด้วย บางตำราบอกให้จุดเทียนเล่มเดียว แต่บางตำราก็ให้จุดเทียนแล้วปักลงข้างๆ สองด้านของกระจก
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเรื่องเล่าถึงตอนจบพิธีมากนัก เพราะคนส่วนมากจะกลัว จนเผ่นออกมาจากห้องก่อนที่จะพูดคำสุดท้ายจบ หรือไม่ก็พูดจบ แต่ไม่ยอมมองกระจก คนที่เล่นส่วนมากจะเป็นเด็กอายุประมาณ 9-12 ปีซึ่งเป็นวัยที่นักจิตวิทยาเรียกว่า The Robinson Ages คือเป็นช่วงที่เด็กจะพอใจกับความตื่นเต้นที่ได้เล่นในเรื่องลึกลับน่ากลัว
ตำนานเรื่องบลัดดี้แมรี่ยังถูกดัดแปลงไปอีกมากมาย เช่น กลายเป็นพิธีทดสอบความกล้า เพราะหากแสดงความหวาดกลัว บลัดดี้แมรี่จะเอาชีวิต บางกลุ่มเชื่อว่าหากวิญญาณบลัดดี้แมรี่มาปรากฎตัว จะสามารถบอกบลัดดี้แมรี่ให้ได้คุยกับญาติผู้ล่วงลับของเราได้ บางคนยังทำใจไม่ได้เมื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ เช่น เพิ่งเสียลูกหรือสามี ก็ใช้วิธีนี้เพื่อติดต่อกับวิญญาณอันเป็นที่รักของตน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี