แทบไม่น่าเชื่อว่า รัฐบาลที่ตัวซีดตัวสั่นอยากจะแจกเงินดิจิทัลคนตั้งแต่อายุ16 ปีขึ้นไป หัวละ 10,000 บาท จะเป็นรัฐบาลเดียวกับที่ทำให้ไข่แพงถึงขนาดสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
เป็นเรื่องสติปัญญาหรือเปล่า ผมไม่รู้จริงๆ
มีคำพระมายาวนานที่สอนคนให้สมถะและมองโลกในแง่ดี ว่า คนเราตื่นขึ้นมายังมีลมหายใจกับอากาศสะอาดของยามเช้าแขนขายังแข็งแรง ฟันฟางยังเคี้ยวได้ และสมองใช้การได้ ถือเป็นความโชคดี แต่สมัยนี้คำสอนอย่างนั้นไม่แน่ว่าจะใช้ได้ เพราะเดินออกจากบ้านไปตลาด เจอราคาวัตถุดิบที่จะเอามาใช้ทำอาหาร เราอาจจะช็อกตายคาเขียงหมู หรือเส้นโลหิตในสมองแตกตอนแม่ค้าบอกราคาผักชี
ข้าวของขึ้นราคาเป็นเรื่องธรรมชาติไม่มีใครปัญญานุ่มจนอยากให้ราคาของในปีพ.ศ. 2567 เท่ากับราคาของเมื่อปี 2500 เป็นไปไม่ได้ นอกจากนั่งคุยกันเองแบบคนถวิลหาความหลังว่า เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยวชามละ 6 สลึง แล้วก็หันไปสั่งกาแฟแก้วละ 120 บาท และหัวเราะกันไป
แต่ทุกครั้งที่ข้าวของขึ้นราคา มันต้องมีเงื่อนไขปัจจัยรองรับอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่เก่งเฉพาะหาเหตุผลมารองรับตอนที่ทุกอย่างตกต่ำ และเกษตรกรกำลังคลุกข้าวด้วยน้ำตาแทนน้ำปลา เช่น ราคาข้าวตก,ราคายางตก, ราคาเนื้อหมูตก, ราคาไข่ตก ฯลฯ นักการเมืองสายพันธุ์นี้จะมีเหตุผลแบบชักแม่น้ำร้อยแปดสายมาบอก กระทั่งอ้างความป่วนปั่นผันผวนของตลาดโลกก็ยังได้ และถ้าประชาชนดูเหมือนจะยังไม่เชื่อ ทีนี้อาจจะอ้างถึงพระเจ้า
ผมเดินตลาดแบบบ้านๆ เกือบทุกวัน จึงจะไม่พูดถึงร้านหรูๆ ขายอาหารราคาแพง เพราะพวกนั้นเขามีต้นทุนส่วนหนึ่งเพื่อจะทำหรู ผมกำลังพูดถึงร้านทั่วๆ ไปที่ขายอาหารในราคาชาวบ้านจับติด วันนี้พวกเขาหนีไม่ออกต้องขึ้นราคาบ้าง จานพื้นๆ อาจจะขอ 2-10 บาทบางทีเห็นสายตาพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้ตอนบอกราคาลูกค้า เหมือนขอความเห็นใจ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจ
ไม่ต้องเล่นเฟซบุ๊กก็ได้แชร์ความเจ็บปวดพอๆ กัน
สิบเดือนที่ผ่านมา โดยรัฐบาลที่มีลูกชายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีผู้นำทางจิตวิญญาณ (และการเงิน)คอยกำหนดชะตากรรม นอกจากนโยบายเงินดิจิทัล, การเดินสายนอกและในประเทศของผู้นำ, การดูแลนักโทษคนหนึ่งอย่างพิเศษสุด, การประมูลข้าว 10 ปี,ซอฟต์ พาวเวอร์ 5 พันล้าน, ความขัดแย้งของตำรวจใหญ่ๆ, ขบวนพาเหรดหลากเพศ, แก้กติกาให้ชาวต่างชาติได้สิทธิในอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี ฯลฯ - ประเทศไทยได้อะไรบ้าง?
บรรดาสื่ออาจจะสนุกกันใหญ่ ทั้งสื่อหลัก, สื่อออนไลน์ และพวก wannabe ที่คิดว่าตัวเองเป็นสื่อ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาได้สร้างปฏิกิริยา สร้างความขัดแย้งที่ขายได้ แต่ลึกลงไปในวิถีชาวบ้านผู้เคยสนุกกับเรื่องคนทะเลาะกัน ตอนนี้คงไม่สนุกแล้ว เมื่อความยากลำบากตีวงเข้ามาประชิดตัวมากเข้าทุกที แม้แต่คนในวงการสื่อเองก็ยังไม่รู้ว่าจะโดนเลย์ออฟตอนไหน
บทความคราวนี้ไม่มีสาระและข้อมูลอะไรใหม่ เป็นแค่การบ่น (และฝากบ่น) ของชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ตัวผม และหลายคนก็เลือกคนเหล่านี้เข้ามาเอง แต่ผมไม่โทษพวกเขาหรอก เพราะในความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตัดสินใคร เขาอาจจะรักใคร่ชอบพอกัน มีความผูกพันมีบุญคุณต่อกัน และเชื่อมั่นในคำสัญญาต่างๆ นานา หรือกระทั่งแค่หลงใหลเหมือนแม่ยกหลงลิเก
ดังนั้น สำหรับรัฐบาลชุดนี้ เราจะไม่พูดเรื่อง “สันดาน” เพราะเราไม่รู้จักนิสัยส่วนลึกของพวกเขาจริงๆ แต่ในฐานะประชาชนที่ต้องอยู่ต้องกินทุกวัน ถ้าจะรู้สึกว่า “ดักดาน” ก็ไม่แปลกอะไร
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี