ต้นสัปดาห์ที่แล้ว ผมเพิ่งเขียนเรื่องการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ และพูดถึงการมีและใช้อาวุธของสังคมอเมริกัน ส่งอิทธิพลระบาดไปถึงผู้คนทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย กลางสัปดาห์ก็เกิดเหตุที่สร้างความตื่นตกใจติดๆ กัน
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ราวๆ 2 ทุ่ม ตำรวจยกกำลังไปปิดล้อมหอพักในซอยเพชรเกษม 91 เขตกระทุ่มแบน เพื่อจะจับกุมตัว นายนิธิรัตน์ ร่างน้อย หรือแม็ก ที่ไปก่อเหตุใช้ปืนชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ของแม่ค้าส้มตำในเขตจังหวัดนครปฐม ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง กว่าผู้ต้องหาจะมอบตัวพร้อมปืน 9 มม. โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร
แต่ถัดมาอีกแค่ 2 วัน คราวนี้ไม่มีโชคช่วย เวลาใกล้จะ 4 ทุ่ม เกิดเหตุทะเลาะวิวาทภายในครอบครัวแถวท่าข้าม ถนนพระราม 2 ตำรวจได้รับแจ้งก็ไปเพื่อจะเจรจาระงับเหตุ แต่ นายบุญมา หัวหน้าครอบครัว เอาปืนยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับปราบปราม สน.ท่าข้าม และ ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ป.สน.เดียวกันคนแรกเสียชีวิต คนหลังบาดเจ็บสาหัส
หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังออกมาจากบ้านเป็นระยะ จนกระทั่งถึง 05.50 น. เมื่อเหตุการณ์เงียบสงบลง ตำรวจเข้าตรวจสอบในบ้าน พบศพ นายบุญมา เสียชีวิตอยู่บริเวณชั้นลอย และคาดว่าจะยิงตัวเอง การสอบสวนเบื้องต้นทำให้รู้ว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยจิตเวช และลูกสาวของ นายบุญมา ยังบอกว่า พ่อมีอาวุธปืน 4 กระบอก
ก่อนหน้านี้ก็มีคดีครึกโครมแถวสำโรง ที่กลุ่มแก๊งวัยรุ่นขับรถมอเตอร์ไซค์หลายคัน ตามไล่ยิงคนที่เคยเป็นคู่กรณีกันกลางถนน วันต่อมาตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นที่พักอาศัยของกลุ่มแก๊งเหล่านี้หลายจุด พบว่ามีการสะสมอาวุธปืนไว้มากมายจนเหมือนคลังแสง คนไม่น้อยที่ดูข่าวคงนึกในใจว่า อาวุธขนาดนี้ยึดเมืองเล็กๆ ได้เลย
สิ่งที่น่าคิดคือ การครอบครองอาวุธปืนเหล่านี้ เพราะปืนแต่ละกระบอกไม่ใช่ขออนุญาตมีไว้ในครอบครองกันง่ายๆ การพกพาสำหรับคนทั่วไปก็ไม่มีโอกาสพกพาไปไหนต่อไหน ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิ์ให้ใช้ ยิ่งกว่านั้น ราคาของปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่บาทสองบาท แต่ละกระบอกเป็นหลักหมื่น และร้านขายปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ใช่จะขายให้ใครง่ายๆ ต้องมีเอกสารใบอนุญาต มีการตรวจสอบ
ช่างไฟฟ้ารับงานทั่วไปอย่าง นายแม็ก หรือวัยรุ่นที่ทำมาหากินเงินเดือนไม่มากนัก จะมีปัญหาเป็นเจ้าของหรือ? เว้นแต่จะมีพวกตั้งตนเป็นเจ้าพ่อคอยให้การอุปถัมภ์
ผมสอบถามเพื่อนที่เป็นสายชมรมนักยิงปืน (ถูกต้องตามกฎหมาย) ตามสนามซ้อมและศูนย์ฝึกต่างๆ ก็ได้รับคำบอกเล่าว่า ทุกวันนี้มีการใช้สื่อโซเชียลนำเสนอและ
ซื้อขายกันมากมาย และราคาต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก
นั่นก็หมายถึงว่า อาวุธปืนเหล่านี้เป็นของผิดกฎหมาย หรือพูดง่ายๆ ว่า “ปืนเถื่อน” แต่ไม่ใช่ปืนเถื่อนที่เราเข้าใจกันในสมัยก่อน ซึ่งทำกันเองในประเทศ ประสิทธิภาพไม่ดี ปืนที่ระบาดในยุคนี้เป็นปืนชั้นดี พวกที่มีในครอบครองบางกลุ่มแน่นอนว่า เมื่อเป็นปืนผิดกฎหมาย การนำเข้าก็ต้องลักลอบกันเข้ามา ส่วนจะด้วยวิธีใด ใครอำนวยความสะดวกให้โดยได้รับค่าปิดตาหรือเปอร์เซ็นต์จากการขายหรือเปล่า ผมไม่รู้ เพราะไม่ใช่มิจฉาชีพ และไม่ได้อยู่ในวงการ
ผมลองมาไล่เลียงดูว่า มีหน่วยงานใดบ้างที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องปืนที่ระบาดอยู่ทุกวันนี้ ก็พบว่ามีกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (หรือ กสทช.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือจะเพิ่มกรมศุลกากรที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการนำข้าวของเข้าประเทศด้วยก็ได้ เพราะปืนจำนวนมากมายคงไม่ได้ลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติตามชายแดนอย่างเดียว
บางคนอาจจะตั้งคำถามว่า เมื่อมีหลายหน่วยงานขนาดนี้ ทำไมปืนเถื่อนหรืออาวุธเถื่อนยังระบาด และดูเหมือนจะแพร่หลายมากขึ้น ผมไม่เชื่อว่าข้าราชการในกระทรวงหรือหน่วยงานที่กล่าวมาแล้วจะไร้ความสามารถ มีแต่จะทำหรือไม่ทำ หรือทำอย่างเชื่องช้าเพราะมีอุปสรรคอะไรบางอย่างมาขัดขวาง
อุปสรรคนั้นอาจจะมีตั้งแต่เรื่องกฎระเบียบ, กำลังเจ้าหน้าที่ไม่พอ, ขาดแคลนอุปกรณ์ ฯลฯ หรือเป็นอุปสรรคอีกทางหนึ่งที่มีปัจจัยมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคแบบไหน การแพร่หลายของอาวุธปืนเป็นอันตรายต่อสุจริตชน และเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม แต่ละชีวิตที่เสียไปโดยไม่สมควรไม่ได้จบลงแค่นั้น ครอบครัวของคนที่ตายยังต้องพบกับความทุกข์อีกมากน้อยเท่าไหร่ไม่มีใครรู้
ถ้าสภาวการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกหน่อยคนดีๆ ก็คงต้องหาปืนมาไว้ในครอบครองบ้างเหมือนกัน เมื่อพวกเขารู้สึกว่าพึ่งพาใครไม่ได้ และเมื่อไปถึงจุดนั้น ก็บอกได้คำเดียวว่า “บรรลัยล่ะครับ”
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี