“สว.ไม่อิสระ”
คุณอังคณา นีละไพจิตร สว.ที่สังกัดกลุ่ม “สว.พันธุ์ใหม่รับใช้ประชาชน” ให้สัมภาษณ์หลังจากเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานฯอีก 2 ตำแหน่งเสร็จสิ้นแล้ว
ผมเท้าความหน่อยว่ากลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ฯมีมติเสนอชื่อคุณนันทนา นันทวโรภาส ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภานั้นเสนอชื่อคุณแล ดิลกวิทยรัตน์ ชิงรองประธานคนที่ 1 และคุณอังคณา นีละไพจิตร ชิงรองประธานคนที่ 2
แต่กลุ่มของตนไม่ได้สักตำแหน่ง!
ด้วยเหตุนี้คุณอังคณาจึงให้สัมภาษณ์ว่า สว.ไม่อิสระ เพราะไม่เลือกกลุ่มตน
ผมเห็นด้วยว่า สว.ไม่อิสระ! รวมทั้งตัวคุณอังคณาและกลุ่มของตนด้วย
สว.คนอื่นๆ เกือบทั้งหมดก็ไม่อิสระ
ในความหมายของคุณอังคณานั้น “สว.ที่เป็นอิสระต้องไม่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคการเมืองใด สามารถเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาได้อย่างอิสระ” แต่ผมไม่ทราบว่ารวมถึงไม่สังกัดกลุ่มก๊วนใดที่ไม่ใช่พรรคการเมืองด้วยหรือไม่ เพราะคุณอังคณาเองก็มีกลุ่มก๊วนที่ตั้งชื่อว่ากลุ่มสว.พันธุ์ใหม่รับใช้ประชาชน และก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคการเมือง
ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่เรียกกลุ่ม สว.ของคุณอังคณาว่า “สว.กลุ่มสีส้ม”
กลุ่ม สว.ของคุณอังคณาจึงไม่ได้อิสระ แม้จะประกาศว่ากลุ่มตนเป็นอิสระ
กลุ่มที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นอิสระก็เป็นกลุ่มที่สื่อมวลชนหลายสำนักเรียกว่า “กลุ่ม สว.สีขาว”
การออกมาพูดเช่นว่านี้จึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า แพ้แล้วพาล
ผมเขียนแค่นี้ บทความนี้ก็ไม่มีสารประโยชน์อันใด เช่นเดียวกับที่คุณอังคณาพูด สว.ไม่เป็นอิสระจึงขอเขียนให้ลึกลงอีกชั้นหนึ่ง ว่ามนุษย์นั้นไม่มีอิสระมาแต่ปฏิสนธิแล้ว เมื่อเติบโตขึ้นมาก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือสังคมที่ตนดำรงชีวิตอยู่ ทั้งสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมภาษา การศึกษา ศาสนา และความคิดความเชื่อต่างๆ ต่อมาก็รับอิทธิพลดังกล่าวไกลตัวมากขึ้นและกว้างขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่งผลให้เราเชื่อและไม่เชื่ออะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
เราอาจจะนิยมชมชอบความเชื่อใหม่และรังเกียจความเชื่อเก่า ทั้งที่เป็นวิทยาศาสตร์และไม่เป็น มีคุณประโยชน์และไม่มี
เมื่อเราสนใจเศรษฐกิจการเมือง เราก็ย่อมเชื่อลัทธิเศรษฐกิจการเมืองที่ถูกกับจริตของเรา
มนุษย์จึงไม่สามารถปลอดพ้นจากความเชื่อไปได้ เมื่อเชื่อแล้วเราก็คิด-พูด-ทำไปตามความเชื่อนั้น พยายามทุกวิถีและวิธีที่จะให้ “ความเชื่อ” นั้นเป็น “ความจริง”
ถ้าเราเชื่อว่า “การเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้นมีคุณค่าและยังประโยชน์แก่สังคมได้ เราก็จะคิด-พูด-ทำทุกวิถีและวิธีที่จะให้การเมืองระบอบนี้ดำรงอยู่ แต่ถ้าเราเชื่อว่า “การเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นประมุข” นั้นดีกว่า เราก็ย่อมจะคิด-พูด-ทำทุกวิถีและวิธี เพื่อทำลายระบอบอื่นและพยายามต่อสู้เพื่อจะสถาปนาระบอบที่ตนเชื่อให้สำเร็จ
หากเราเชื่อว่า “ระบอบสังคมนิยมที่ทำลายชนชั้น ทำลายการกดขี่ ขูดรีด การเอาเปรียบกัน และสร้างสังคมใหม่ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน” เราก็ย่อมคิด-พูด-ทำทุกวิถีและวิธี ที่จะให้มันเป็นระบอบการปกครองของประเทศให้ได้
ไม่ว่าเราจะเชื่อระบอบไหน เราต่างก็ต้องใช้ชีวิตตนเองต่อสู้เพื่อมัน เรายอมเหนื่อยยาก ยอมลำบากขัดสน ยอมอดทน ยอมถูกจองจำ แม้กระทั่งยอมสละชีวิตเพื่อเป็นเครื่องบูชายัญแก่มัน เพื่อทำลายสิ่งอื่น-คนอื่นเพื่อให้ได้ชัยชนะ แล้วเรียกมันอย่างภาคภูมิว่า “สู้เพื่ออุดมการณ์”
เราไม่เคยเฉลียวใจ ไม่เคยตั้งคำถามแม้แต่สักครั้งว่า อุดมการณ์คืออะไร
อุดมการณ์คือองค์ความรู้หนึ่ง หรือวาทกรรมหนึ่ง
อุดมการณ์เป็นสิ่งที่อยู่นอกตัวเรา มันไม่ได้เป็นตัวเรา ไม่ได้เป็นของเรามาแต่แรกกำเนิด เช่นเดียวกับอีกสารพัดสิ่งที่เรารับเข้ามาไว้ในหัวของเรา แล้วยึดมันไว้ว่าเป็นตัวเรา-ของเรา
ชีวิตของเราจึงเป็นร่างทรงของมัน เป็นเครื่องมือของมัน รับใช้มัน เป็นทาสของมัน
แม้คุณอังคณาจะไม่สังกัดกลุ่มก๊วนใดเลย หากแต่เป็นประเภทมาคนเดียว ยืนหยัดอยู่คนเดียว คุณอังคณาก็ยังคงรับใช้อุดมการณ์หรือความเชื่อที่อยู่ในหัวตนอยู่ดี คุณอังคณาไม่ได้เป็นอิสระเช่นเดียวกับ สว.ที่คุณอังคณาต่อว่าเขาเลย
แต่ความจริงก็คือ คุณอังคณาได้จัดตั้งกลุ่มของพวกตน และแบ่งแยกผู้อื่นเป็นกลุ่มเขากลุ่มเราเช่นกัน ผลของการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ก็ย่อมต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของกลุ่มตน เพื่อชัยชนะของกลุ่มตนกล่าวให้ตรงก็คือ เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มตน ส่วนอำนาจและผลประโยชน์ของประชาชนนั้นเป็นเพียงลมปากที่ล่องลอยอยู่ในสายลม
ผมไม่ได้ต้องการให้คุณอังคณาเป็นอิสระจากกลุ่ม จากอุดมการณ์หรือความเชื่อใด แต่ต้องการแค่ว่าก่อนจะกล่าวโทษใคร ก็ขอให้ตั้งสติพิจารณาเรื่องที่ตนจะกล่าวโทษนั้นให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไม่เช่นนั้นมันจะย้อนเข้าหาตน
ประการสำคัญ มันจะได้ลด “มลภาวะในวงการเมือง” ไปด้วย เพราะทุกวันนี้มันคละคลุ้งเสียจนแทบจะมองหาสาระอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว
ผมหมายถึงขยะทางความคิดเห็น และการเอาความดีใส่ตัว เอาความชั่วใส่คนอื่น
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี