บุดห์นี มานจิยาน ซึ่งเป็นสมาชิกของชนเผ่าซานทาลมีอายุเพียง 15 ปี ในวันที่เธอไปทำหน้าที่ต้อนรับ เยาวะฮาร์ลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่เดินทางมาทำพิธีเปิดใช้เขื่อนปานเชต
เธอไม่รู้เลยว่า หลังจากวันนั้น ชีวิตของเธอจะพลิกผันเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
วันนั้น เธอถูกกำหนดให้เป็นผู้ทำหน้าที่สวมมาลัยดอกไม้ให้แก่นายกรัฐมนตรี หลังจากเธอสวมมาลัยให้แก่นายกรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีก็จะสวมมาลัยพวงหนึ่งคืนให้แก่บุดห์นีด้วย ตามที่เจ้าหน้าที่ของเขื่อนตระเตรียมการไว้ให้
เนห์รู ยังให้เธอร่วมกดปุ่มทำงานของเขื่อนร่วมกับกับเขาด้วย ถือเป็นเกียรติยิ่งสำหรับชนเผ่าเช่นเธอ
(เด็กน้อยของชนเผ่าซานทาล - ภาพจากวิกิพีเดีย)
เมื่อเธอเดินทางกลับบ้านที่หมู่บ้านคาร์โบนา(KARBONA VILLAGE) เธอก็ได้รับการแจ้งข่าวจากผู้อาวุโสของหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของชาวบ้านว่า ตามความเชื่อของชนเผ่าซานธาน การที่เธอได้สวมพวงมาลัยดอกไม้ให้แก่เนห์รู เท่ากับว่า เธอได้แต่งงานกับเนห์รูแล้ว
และเนื่องจากเนห์รู ไม่ใช่คนเผ่าซานทาล เธอจึงต้องถูกลงโทษด้วยการขับไล่ออกไปจากหมู่บ้าน และห้ามกลับมาที่หมู่บ้านคาร์โบนาอีกตลอดไป
หญิงสาววัย 15 ถูกขับออกจากหมู่บ้านโดยไม่รู้ว่าในคืนนั้นเธอจะไปนอนที่ไหน และ จะไปอาศัยอยู่ที่ใด ช่างเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
ข่าวบอกว่า เธอได้เดินทางไปยังหมู่บ้าน พูรูเลีย และ ยังชีพด้วยการเป็นแรงงานรายวัน ซึ่งคาดว่าน่าจะน้อยมาก หลังจากนั้นอีก 3 ปี DVC ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเขื่อนก็ประกาศปลดเธอออกจากตำแหน่งที่เธอเคยทำด้วย
ข่าวคราวของบุดห์นี เงียบหายไป ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย เธอต้องต่อสู้ในโลกที่ไม่เห็นอนาคตตามลำพัง
(นายราจีฟ คานธี -ภาพจากวิกิพีเดีย)
จนกระทั่งปี 1985 นายกรัฐมนตรีราจีฟ คานธี ได้พบเธอเข้า และ ทราบเรื่องราวทั้งหมดซึ่งมีต้นเหตุมาจากปู่ของเขาเอง เขาจึงจัดการให้บุดห์นีได้กลับเข้าไปทำงานที่ DVC อีกครั้ง จนกระทั่งเธอเกษียณอายุในปี 2005
แต่เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปที่บ้านเกิดของเธออยู่ดี
ไม่มีใครรับรู้เรื่องราวของเธอ จนกระทั่ง ซาราห์ โจเซฟ (SARAH JOSEPH)ซึ่งเป็นนักเขียนที่ปักหลักอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเคราลา ของอินเดีย ได้ทราบเรื่องราวของเธอ จึงแกะรอยจนกระทั่งไปพบเธอในปี 2019
(บุดห์นี และ ซาราห์ โจเซฟ นักเขียนผู้นำเอาเรื่องราวของเธอมาเปิดเผยต่อโลก - ภาพจากวิกิพีเดีย)
ซาราห์ ต้องการให้บุดห์นีนำเรื่องราวอันปวดร้าวของเธอเปิดเผยให้โลกได้รับทราบ ซึ่งเธอก็ยินยอมจนในที่สุดโลกก็ได้รับทราบถึงชีวิตที่พลิกผันอันปวดร้าวของเธอ
บุดห์นี ย้อนความทรงจำว่า ในวันนั้น เธอพยายามที่จะโต้แย้ง และให้เหตุผลต่อหัวหน้าหมู่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้นในพิธีเปิดเขื่อน เพื่อจะขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่อไป แต่คณะกรรมการหมู่บ้านได้ตัดสินคดีของเธอเรียบร้อยแล้วว่า เธอต้องออกจากสังคมหมู่บ้านไปเท่านั้น
เธอเล่าว่า ไม่มีใครช่วยเธอเลย แม้กระทั่งครอบครัวของเธอเอง เธอถูกข่มขู่ว่า หากไม่ออกจากหมู่บ้านไป เธอจะถูกฆ่า เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บกระเป๋าและเดินทางออกจากหมู่บ้านในคืนนั้น
ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีผู้คนรับทราบเรื่องราวของเธอ แต่ไม่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วย
เธอเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 หลังจากดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ และไม่ทราบเลยว่า อินเดียได้ขนานนามเธอว่า “ภรรยาชนเผ่าคนแรกของเนห์รู”
สัปดาห์หน้าครับพบกับ มหากาพย์เรื่องยาว “มาตรา 370” ซึ่งเป็นสาเหตุ และ ผลของการยกเลิกกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตร 370 ของอินเดียที่น่าตื่นเต้นและน่าติดตามมาก พลาดไม่ได้ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี