ข่าวใหญ่สุดๆของของอินเดียในเดือนสิงหาคม ปี 2019 ก็คือ การยกเลิกกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 370 ที่ดำเนินการอย่างกล้าหาญและแยบยลโดย นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรี จากพรรค BJP
เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญอย่างมาก จนมีผู้นำไปสร้างเป็นภาพยนต์ออกฉากทางช่อง NETFLIX ซึ่งแม้ว่า ภาพยนต์จำเป็นที่จะต้องดัดแปลงเรื่องราวบางส่วน และ เปลี่ยนชื่อบุคคลหลายคนในเหตุการณ์จริงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง แต่ก็ยังเป็นภาพยนต์ที่น่าติดตาม และ มีสาระสำคัญใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงมาก
(ภาพยนต์เรื่อง “มาตรา 370 ทาง NETFLIX ซึ่งผมขอแนะนำให้ชมครับ)
การยกเลิกมาตรา 370 ทำให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่แสดงความชื่นชมต่อความกล้าหาญของโมดี ที่ทำให้ชาวฮินดูแคชเมียร ชาวอินเดียในรัฐอื่นๆเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของอินเดียมาหลายปี ได้เห็นความขัดแย้ง การต่อสู้ที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นต้องสังเวยชีวิตเพื่ออิสรภาพ ผมจึงอยากนำเรื่องราว และ ประวัติศาสตร์ความเป็นมา และ การสิ้นสุดของมาตรา 370 มาเล่าสู่กันฟัง
ผมพยายามคัดเลือกเอาเหตุการณ์ และ สาระสำคัญมาร้อยเรียงเพื่อความเข้าใจได้ง่ายที่สุดของท่านผู้อ่าน และพยายามที่จะไม่ให้ตกหล่นประวัติศาสตร์สำคัญของอินเดียไป
(นายนเรนทรา โมดี-ภาพจากวิกิพีเดีย)
ที่สำคัญก็คือ ผมจะเจาะลึกลงไปถึงเหตุผลที่นายนเรนทรา โมดี จะต้องยกเลิกกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 370 ให้ได้ แม้ว่ากฎหมายมาตรานี้จะถูกบังคับใช้มานานถึง 69 ปีแล้วก็ตาม และไม่ว่ามันจะเป็นภารกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหนก็ตาม
ขอเชิญพบกับ มหากาพย์ที่ยาวนานของการต่อสู้ของชาวภารตะ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบประวัติศาสตร์ความเป็นมา เผื่อจะเป็นอุทาหรณ์มาถึงบ้านเราบ้าง
หลังจากชาวอินเดียต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพมาอย่างยาวนานจากทั้งราชวงศ์โมกุล และจากอังกฤษ ทั้งด้วยความรุนแรงแบบตาต่อตา และ การต่อสู้แบบอหิงสา ตามแบบของคานธี มาเป็นเวลานับร้อยปี ในที่สุด อังกฤษก็มองเห็นว่า ไม่สามารถยึดครองอินเดียได้อีกต่อไป
ไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้เรียกร้องอิสรภาพของชาวอินเดียเท่านั้น สิ่งที่สร้างปัญหาให้แก่อังกฤษไม่น้อยกว่ากันก็คือ ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในอังกฤษ
แม้ว่าอังกฤษ จะเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตาม
และที่สร้างผลกระทบในทางเสียหายอย่างมากต่อภาพพจน์ของอังกฤษเป็นอย่างมากก็คือ การสังหารโหด ที่สวนจัลเลียนวาลา บากห์ (THE JALLIANWALA BAGH MASSACRE) หรือบางครั้งก็เรียกว่า การสังหารโหดที่อัมริตสาร์
โศกนาฎกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ปีค.ศ. 1919 ในขณะที่กลุ่มคนผู้ประท้วงอย่างสงบกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันในสวน เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่อังกฤษจับตัวผู้นำของพวกเขาสองคน คือ ดร.สัตยาปาล และ ดร.ไซฟุดดิน ไปคุมขัง
(ทางเข้าสวนจัลเลียนวัลลา บากห์-ภาพจากวิกิพีเดีย)
วันนั้น บังเอิญตรงกับวันแรกของเดือน ไวสาคห์ (VAISAKH) ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 ตามปฎิทินของชาวปัญจาบ และถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวปัญจาบด้วย
ดังนั้น จึงมีชาวบ้านจำนวนมากมาร่วมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในสวนจัลเลียนวาลา บากห์ ในอัมริตสาร์ รัฐปัญจาบ ร่วมกับผู้แสวงบุญนิกายไบชัคห์(BAISHAKHI PILGRIMS) โดยชาวบ้านเหล่านี้ไม่ทราบเลยว่า รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้าน และ ห้ามการรวมตัวชุมนุมกัน
ผู้คนหลายพันคนมารวมตัวกันอย่างสงบ โดยไม่รู้ว่า ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาเขา
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี