ผมไม่ทราบว่าในปัจจุบันนี้ คนในเมืองท่ามกลางไฟแสงสีอร่ามพร่างพรายตา ผู้คนและยวดยานคลาคล่ำจะรู้สึกอ้างว้าง หรือเหงา เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยว ไร้ความหวังบ้างไหม ส่วนผมเกิดและเติบโตในชนบทที่สวยงาม สมบูรณ์ด้วยพืชผัก กุ้งหอยปูปลา แต่ยามโพล้เพล้ผมกลับอ้างว้างวังเวงมาก
แม้เมื่อเป็นครอบครัวชาวนาล้มละลาย อพยพเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯ ความอ้างว้างก็ยังอยู่กับชีวิตผมเรื่อยมา...แม้จนวันนี้
เมื่อ 30 ปีก่อน ผมพบทั้งในข่าวและเพื่อนเล่าให้ฟังว่า วัยรุ่นบางคนเหงามาก อาจเพราะเป็นเด็กบ้านแตกหรือในบ้านไม่มีความอบอุ่นจนแปลกแยก เขาจึงมักพูดกับตัวเองและผนังตึก ส่วนนักศึกษาคนหนึ่งมีปัญหาชีวิต โทร.หาเพื่อนหาญาติไม่มีใครรับสาย สุดท้ายก็ทนความอ้างว้างไม่ไหว ปอกฉนวนสายไฟออก เอาลวดทองแดงพันแขนตนแล้วเสียบปลั๊ก!
นั่นเป็นความอ้างว้างเฉพาะคนแต่ละคน ยังมีความอ้างว้างในระดับสังคมอีกด้วย เช่น
คนเขมรเคยมาขออาศัยอยู่กับผมช่วงสั้นๆ ตอนที่เขมร 3 ฝ่ายกำลังเข่นฆ่าทำลายล้างกัน เธอหนีออกจากประเทศตัวเองมาอย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอก บอกว่ารู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างมาก “ถ้าประเทศฉันยังมีพระมหากษัตริย์อยู่ เราก็จะไม่เป็นอย่างนี้” (บ้านแตกสาแหรกขาดและอ้างว้าง)
เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีคนลาวพูดถึงกษัตริย์ ทำนองว่าถ้าบ้านเมืองยังมีกษัตริย์อยู่ ประเทศก็จะไม่เละเทะอยู่ในอำนาจของผู้ปกครองที่โง่เขลาอย่างปัจจุบัน
เมื่อเอ็มมานูเอล มาครง เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก เขาก็เคยประกาศว่าอยากรื้นฟื้นสถาบันกษัตริย์
ยิ่งประเทศที่ปฏิวัติเป็นสังคมนิยม ผู้คนยิ่งอ้างว้างโดดเดี่ยว พวกเขาทำอะไรได้ไม่มากนัก นอกจากหันเข้าพึ่งความเชื่อหรือศาสนาและโหยหาอดีตอยู่เงียบๆ ประเทศจีนยุคหลังเติ้ง เสี่ยวผิงนั้นมีข่าวบ่อยมากว่าผู้คนนับถือพุทธศาสนาและลัทธิขงจื๊อมากขึ้น และรัฐบาลยุคใหม่ก็เปิดโอกาส เพราะคำสอนเหล่านั้นช่วยลดปัญหาสังคมและอาการเจ็บปวดบาดแผลในใจในยุคปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ประเทศไทยนั้น ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต แต่เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต พสกนิกรต่างก็เสียใจกันอย่างสุดซึ้ง แม้จนวันนี้ก็ยังมีผู้คนพูดถึงพระองค์ด้วยความอาลัย เพราะรู้สึกว่าได้ขาดที่พึ่งพิงทางใจไป แต่เรายังโชคดีที่ไม่ได้อ้างว้างไร้หลัก เพราะยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่
ทั้งหมดเป็นตัวอย่างของความอ้างว้างที่เกิดจากปัญหาทางการเมืองหรือสังคม
ผู้คนที่ต้องการความเท่าเทียม ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเขาเชื่อลัทธิมาร์กซ์ว่าเป็นต้นเหตุของความไม่เท่าเทียมและถ่วงความเจริญของประเทศชาติ แต่เขากลับไม่เรียนรู้ว่าประเทศที่ปฏิวัติเป็นสังคมนิยมและทำลายสถาบันกษัตริย์นั้นสร้างบาดแผลทางจิตใจให้ผู้คนและสังคมอย่างไร
เมื่อผู้คนยังถูกปั่นหัวให้ลุกโชนด้วยอุดมการณ์ก็จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่กับคนที่สิ้นหวังต่อระบอบสังคมนิยมกลับเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง เพราะพวกเขาไม่มีอะไรให้ใจยึดเหนี่ยว แม้จะมีอุดมการณ์เป็นยาลวงประสาทและมีผู้นำคนใหม่ให้ยึดมั่น แต่พวกเขาไม่รู้จักไม่คุ้นเคยอย่างลึกซึ้ง เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่กับพวกเขามาหลายชั่วอายุคน
ระบบสุริยะประกอบด้วยดวงดาวน้อยใหญ่นับอเนกอนันต์นั้นมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
สังคมสัตว์มีจ่าฝูงตามธรรมชาติเป็นศูนย์กลางของฝูง
สังคมน้อย-ใหญ่ของมนุษย์ มีผู้นำตามธรรมชาติเป็นศูนย์กลางของสังคม
บางสังคมยังมีการนับถือเทพ จนกระทั่งถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณ
ทั้งหมดนั้นบอกได้ว่า มนุษยชาติล้วนเปลี่ยวเหงาอ้างว้าง จึงต้องยึดตัวบุคคลที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน จนถึงเทพต่างๆ และพระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งมีชีวิตนั้นหาความแน่นอนไม่ได้ มันอยู่ในอำนาจของกฎไตรลักษณ์
แม้ในโลกยุคใหม่ ประเทศที่สถาบันกษัตริย์ถูกทำลาย ก็ยังมีผู้คนเปลี่ยวเหงาอ้างว้าง เพราะไร้ “หลักใจ” ยึดมั่น แม้มีพระผู้เป็นเจ้าก็อยู่ห่างไกลเกินไขว่คว้า
และแม้จะมีผู้นำ - มีประมุขเปลี่ยนหน้ามาด้วยการเลือกตั้ง ก็ล้วนแต่พึ่งพิงได้แต่ทางวัตถุชั่วครั้งคราว พวกเขาล้วนเป็น “คนนอก”ในทางจิตวิญญาณ
ในประเทศไทยนั้นมีบุญ ที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่จนวันนี้
ในทางกฎหมาย...พระองค์ทรงมีหน้าที่เป็นประมุขของประเทศ ในทางพระศาสนา...พระองค์ทรงเป็นศาสนูปถัมภก คือผู้อุปถัมภ์ทุกศาสนาในประเทศ ในทางวัฒนธรรม...พระองค์คือผู้สืบทอดระบบจริยธรรมของพระมหากษัตริย์ อันได้แก่ “ทศพิธราชธรรม” และขนบประเพณีต่างๆ ในทางจิตวิทยาและความมั่นคงของประเทศ ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนในชาติ ทั้งหมดล้วนประสานกันเป็นพลังที่ธำรงความเป็นประเทศชาติไว้
สถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่ใช่แค่ “บุคคล” คือองค์พระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่คือคนทุกคนที่หลอมหัวใจกันเป็นดวงเดียวไว้ที่พระองค์...จนก่อเกิดเป็นสถาบันทางจิตใจและสังคม
นั่นคือเหตุผลที่คนไทยไม่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง แม้เกิดวิกฤตทางการเมืองหรือสังคม เราเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเมื่อไม่มีพระมหากษัตริย์ และถ้าเปลี่ยวเหงาอ้างว้างก็เฉพาะเรื่องส่วนตัว
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี