ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฯพณฯ นเรนทรา โมดี (หรือที่ผมเรียกเองว่า คุณนเรนทร์) นายกรัฐมนตรีอินเดีย เดินสายไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปที่มี หรืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
การแสดงออกนี้เป็นข่าวเห็นกันทั่วโลก ชัดเจนว่าอินเดียพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการแสวงหาสันติภาพ ภาษาบ้านๆ ก็คือ “กาวใจ” ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน คุณนเรนทร์ก็ไปเยี่ยมเยียนตะวันออกกลาง และแอฟริกา
คุณนเรนทร์ คงไม่ได้หวังว่าตนเองจะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในอนาคต แต่เขาคงไม่ต้องการให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ เพราะถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นมาจริงๆ ทุกประเทศเดือดร้อนหมด ไม่เฉพาะประเทศคู่สงคราม และในฐานะที่อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกขณะนี้ ผลกระทบย่อมสาหัสสากรรจ์กว่าใครเพื่อน
ถึงที่สุดก็คือ เขานึกถึงประเทศของตนเองเป็นอันดับแรก
พอมองไปที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน แม้จะโดนสหรัฐอเมริกากระแทกมาหลายดอกตั้งแต่ก่อนจะเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ก็ยังรักษาอาการด้วยความอดทนอย่างยิ่ง ไม่ออกลูกเกรี้ยวกราด
คุณสี ก็เช่นเดียวกับ คุณนเรนทร์ แม้มีการประกาศเป็นพันธมิตรด้านต่างๆ กับรัสเซียอยู่เป็นระยะ แต่ท่วงท่าพญามังกรของ คุณสีก็นิ่งและหนักแน่นจนไม่ค่อยมีใครอยากไปวอแวด้วย และพยายามจะไม่นำจีนเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงในสงครามที่ใดเลย ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือตะวันออกกลาง
นั่นเพราะจีนมีพื้นที่และประชากรจำนวนมหาศาล และมีตลาดค้าขายอยู่ทุกมุมโลก ที่ต้องดูแล
มาดูที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ปูติน ที่ถูกสื่ออเมริกันและประเทศตะวันตกในเครือนาโต พยายามวาดภาพให้เป็นเด็กเกรียน เป็นคนเถื่อน บ้าสงคราม แต่คนที่ติดตามข่าวสารการเมืองระหว่างประเทศ ต้องยอมรับว่า คนที่สามารถดึงรัสเซียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจากสหภาพโซเวียตแตกกระจายตอนปลายทศวรรษ 1980 ต่อต้นทศวรรษ 1990 ย่อมมีความลุ่มลึกระดับไม่ธรรมดา
เพราะถ้า คุณปู จะเกรียนจริงๆ ยูเครนคงไม่อยู่มาถึงวันนี้ ไม่ว่าจะมีสหรัฐอเมริกาหรือนาโตหนุนรัฐบาลตัวตลกแห่งยูเครนอยู่ก็ตาม แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้ายูเครนล่มสลาย ขณะที่รัสเซียก็บอบช้ำแสนสาหัส
เชื่อได้ว่า แต่ละจังหวะก้าวของ คุณปูผ่านการคิดแล้วคิดอีก ก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของรัสเซีย ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
ตรงนี้จะไม่พูดถึงผู้นำสหรัฐอเมริกา เพราะหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาอเมริกาก็สถาปนาตัวเองเป็นผู้นำโลก ใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีก็มีกรอบที่แน่นอนให้เดินไปในแนวทางนี้ อเมริกาพร้อมจะทุบตีหรือชูหัวชูหางผู้นำของประเทศใดก็ตามที่สวามิภักดิ์ต่อตน ไม่ว่าประเทศเหล่านั้นจะปกครองด้วยระบอบอะไร
ผมชอบติดตามดูบุคลิกและความเคลื่อนไหวแต่ละก้าว แต่ละจังหวะของผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ อย่าง จีน, รัสเซีย และอินเดีย เพราะเป็นสิ่งที่คนอย่างเราๆ ไม่สามารถนึกออก ได้แต่วิเคราะห์หรือคาดเดาไปตามข่าวสารที่เข้ามา
แน่นอนว่า ผู้นำเหล่านี้ก็เป็นนักการเมืองแต่การที่พวกเขาแหวกด่านโหดหินและอำมหิตของการเมืองขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศยักษ์ใหญ่ได้ ย่อมไม่ใช่แค่เอาเงินไปฟาดหัวประชาชน ไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น
และเมื่อได้อำนาจมาแล้ว สิ่งที่ต้องคอยกำกับควบคุมให้อยู่ในร่องในรอยมันใหญ่โตมโหฬารเกินจินตนาการ ถ้าไม่แข็งแกร่งจริง, โง่แล้วอวดฉลาด หรือปากพล่อยส่งเดช รับรองว่ารอดยาก
เมื่อมองย้อนกลับมาดูประเทศไทยในปัจจุบัน ก็มีแต่ความสะทกสะท้อนใจ คนไทยจำนวนมากยังไม่แน่ใจเลยว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่แท้จริงหรือเปล่า และไม่แน่ใจว่า บรรดากลุ่มคนที่ประกอบกันเป็นรัฐบาลมีสติปัญญา, ความสามารถ, ความซื่อตรง และรักชาติอยู่จริงหรือไม่
บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า คนพวกนี้พร้อมจะขายประเทศไทยเมื่อได้ราคาดีน่าพอใจหรือเปล่า
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี