ประเทศไทยไม่ได้มีศึกสงครามกับประเทศอื่น แต่มีสงครามภายในประเทศเอง เป็น “สงครามระบอบ” ที่มีมาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 4 กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
สงครามระบอบ คือ การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนระบอบปัจจุบันไปเป็นระบอบอื่น ต่อสู้กันด้วยอาวุธและความคิด การต่อสู้ 2 ครั้งแรกนั้นต่อสู้กันด้วยอาวุธ ส่วนครั้งที่ 3 และ 4ต่อสู้กันทั้งในสภาและนอกสภา(ม็อบ) ทั้ง 4 ครั้งล้วนมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์
สงครามครั้งแรกคือ “สงครามการปฏิวัติ 2475” นั้น คณะราษฎรต้องการกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากการเมืองไทยและประเทศไทย ต้องการนำระบอบสังคมนิยมมาใช้ แต่ทว่าไปไม่รอด เพราะเกิดความขัดแย้งกันทางความคิด – การแย่งชิงอำนาจกันเองภายในคณะราษฎร – ประชาชนหมดความหวังและความศรัทธา และไร้หลักใจเป็นที่พึ่งพิง จึงเรียกร้องให้มีพระมหากษัตริย์ สุดท้ายคณะราษฎรต้องนำสถาบันพระมหากษัตริย์กลับมา แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญของพวกเขา
ต่อมาครั้งที่ 2 “สงครามกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” พรรคคอมมิวนิสต์แพ้ แพ้ทั้งภายในพรรคที่เกิดความแตกแยกกันเองและแพ้แก่รัฐไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดให้ “คนป่าคืนเมือง” โดยไม่ผิดกฎหมาย
สงครามครั้งที่ 3 “สงครามเสื้อแดง” เกิดในปีพ.ศ.2552 และ ปีพ.ศ. 2553 มีโดย (1) พรรคการเมืองนำขบวนต่อสู้ในสภา ตามด้วย (2) มวลชนเสื้อแดง (3) กองกำลังติดอาวุธ ทั้งหมดพวกเขาเรียกว่า “แก้ว 3 ประการ” ในการยึดประเทศ เพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ สุดท้ายแพ้มาจนวันนี้
สงครามครั้งที่ 4 “สงครามเสื้อส้ม”ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ทุกวันนี้ พวกเขามีพรรคการเมืองในสภา มีมวลชนเสื้อส้ม มีการสนับสนุนทางการเงินและการชี้นำทางความคิดโดยประเทศมหาอำนาจตะวันตก ดังจะเห็นได้จากทุกครั้งที่พรรคส้มมีปัญหา พวกต่างชาติก็จะเข้ามาจุ้นจ้านเหมือนเป็นเจ้าของประเทศไทยเสียเอง
ทั้งพรรคส้มและประเทศมหาอำนาจตะวันตกที่เป็นเจ้าของพรรคส้ม มีเป้าหมายเพื่อกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะเมื่อไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาและพรรคส้มก็จะทำอะไรได้ง่าย
พรรคส้มจะได้ครองอำนาจ ส่วนประเทศมหาอำนาจตะวันตกก็ใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ (จุดยุทธศาสตร์) ต่อสู้กับจีน
สงครามครั้งนี้จึงเป็นสงครามของคนไทยทั้งประเทศ ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับพรรคส้มที่เป็นตัวแทนของประเทศมหาอำนาจตะวันตก
สมมุติว่าสงครามครั้งนี้ พรรคส้มและประเทศมหาอำนาจตะวันตกชนะ อะไรจะเกิดขึ้น?
คำตอบคือ 1. ประเทศไทยจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่จะมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งเป็นประมุข และแน่นอนว่าจะมีการสืบสันดานของตระกูลนักการเมืองให้เป็นประมุขอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน กลายเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่!
2.รัฐธรรมนูญ กฎหมาย การศึกษา จารีต ขนบ ธรรมเนียมประเพณีต่างๆ จะถูกกำจัดอย่างเดียวกับประเทศสังคมนิยมในศตวรรษที่แล้ว เพราะความคิดและความเชื่อของพรรคส้มนั้นคือ ลัทธิมาร์กซ์ หรือสังคมนิยม ทุกวันนี้พวกเขาก็แสดงให้เห็นอย่างกระเหี้ยนกระหือรืออยู่แล้ว
หากพวกเขาได้ครองอำนาจรัฐอย่างยาวนาน ก็จะค่อยๆ สร้างกฎหมายต่างๆ ให้เป็นสังคมนิยมมากขึ้น
3.ประเทศมหาอำนาจจะเข้าครอบงำประเทศไทยได้ง่าย ทั้งการเมือง การปกครอง และการสงคราม เช่น ที่พวกเขาทำกันในยูเครน
นั่นเป็นแค่การสมมุติเพื่อให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าพรรคส้มได้ครองอำนาจรัฐ
แต่ความจริงก็คือ พวกเขาจะไม่มีวันชนะ ด้วยเหตุผลหลักคือ ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แข็งแกร่งแต่ยืดหยุ่น ประชาชนทั้งประเทศเทิดทูน (ยกเว้นพวกขบถขายชาติ) มีทหารที่จงรักภักดี การดำเนินนโยบายต่างประเทศที่รักษาความสมดุลกับประเทศมหาอำนาจต่างๆ
ส่วนพวกส้มจะทำลายตัวเองไปเรื่อยๆจนอ่อนแรง ด้วยการทำผิดกฎหมาย สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองทั้งขบวนการ
มันคือการผุพังจากภายในของพวกเขาเอง
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี