ในวัยเด็กผมหลงใหลลูกโป่งสวรรค์มาก มันมีสีสันสดใสหลากหลายสี ที่มหัศจรรย์ก็คือมันลอยได้ แต่ยุคนั้นไม่ได้มีขายทั่วไป ต้องรองานวัดในฤดูแล้งปีละครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อทุกปี เพราะไม่มีสตางค์ แม้ราคาแค่ 1-2 สลึง ถ้าซื้อมันก็จะไม่ได้ซื้อขนมกิน มีอยู่ปีหนึ่งผมซื้อได้ สีแดงสดใส ซื้อแล้วก็เดินถือให้มันลอยอยู่เหนือหัว แต่เมื่อนั่งดูลิเกก็ต้องกอดมันไว้ ไม่เช่นนั้นจะบังคนข้างหลังและอาจจะโดนปาจนแตกได้
ตอนงานเลิกตอนตีหนึ่ง - ตีสองขณะเดินกลับบ้านก็ยิ่งตื่นเต้นกับลูกโป่งที่ลอยอยู่เหนือหัวพอถึงบ้านผมผูกมันไว้กับหัวบันไดนอกชานดูมันจนทนง่วงไม่ไหวจึงเข้านอน ตอนเช้ารีบตื่นออกไปดู...ปรากฏว่ามันเหลือขนาดเท่ากำปั้นตกอยู่บนขั้นบันได ไม่มีลูกโป่งสวรรค์อีกต่อไป!
แต่มันก็เตือนให้ผมคิดถึงคำพระเทศน์ที่ไม่เคยเข้าใจว่า “สิ่งทั้งปวงไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” แต่ผมก็ไม่เข้าใจและไม่คิดอะไร ยังคงมีชีวิตเหมือนเด็กบ้านนอกวัย 10 ขวบทั่วไป
กระทั่งเข้าวัยหนุ่ม ผมจึงเข้าใจข้อความนั้นและใช้มันเป็น “ดวงตาที่ 3” มองปรากฏการณ์ต่างๆ ของชีวิต สังคมและโลก ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยจนถึงเรื่องใหญ่ แต่ผมก็ยังยึดมั่นถือมั่นเช่นเดิม เพียงแต่จางคลายลง
อย่างการเมืองเรื่องฝ่ายตอนนี้ผมก็ไม่ตื่นเต้น...คือ “ฝ่ายล้มเจ้ากับฝ่ายเชิดชูเจ้า” ที่ยังตั้งยันกันอยู่ ผลการเลือกตั้ง อบจ. หลายจังหวัดที่ผ่านมาพรรคส้มแพ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในสนามเลือกตั้ง สส. พวกเขาจะแพ้ด้วย เพราะจะมีคะแนนเสียงจากพวกโหวตครั้งแรกจำนวนมากที่ปลุกปั่นไว้ถึง 4 ปี 4 รุ่น
แต่ต่อให้พวกเขาชนะแบบสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้
อาจเป็นจุดจบของสงครามระบอบครั้งนี้ก็ได้!
คนของพรรคส้มล้วนแต่ไม่เคยทำงานใหญ่ ไม่ว่าเป็นธุรกิจของตนเองหรือเป็นผู้บริหารในองค์กรใหญ่ แม้ครอบครัวจะมีธุรกิจใหญ่โตแต่ก็ไม่ได้บริหารงาน เพราะความสามารถไม่พอ บางคนมีโอกาสได้บริหารกิจการของตนก็ทำเจ๊ง แถมไซฟ่อนเงินเสียอีก! (ยักยอกเงินของบริษัทตัวเองเข้ากระเป๋าส่วนตัว ปล่อยให้บริษัทเจ๊ง)
สส.จำนวนมากก็ร้อยพ่อพันแม่ แกนนำพรรคจึงต้องจัดอบรมกันบ่อย เพื่อปั๊ม “ตรายางแห่งอุดมการณ์ของท่านเจ้าของพรรค” ลงในหัวของทุกคน!
อุดมการณ์สำคัญที่สุดก็คือ “ล้มเจ้า” โดยใช้วิธี “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย”
ฐานเสียงของพรรคส้มส่วนมากคือ “คนรุ่นใหม่” ที่เติบโตมาในยุคตลาดเสรี เสพติดการกินหรูอยู่สบาย บริโภคของหรู ของแพง ของฉาบฉวย หลงใหลกระแสง่าย โดนปั่นหัวง่ายคลั่งไคล้และเบื่อง่าย ขี้โอ้อวด ขี้เกียจ ขี้ริษยา ใจเร็วไม่มีเหตุผล มีก็ตื้นเขิน ไม่มีรากเหง้า เพราะเห็นเป็นสิ่งล้าหลังน่ารังเกียจ ปลื้มเปรมเทคโนโลยี แล้วก็หลงว่าตัวเองทันสมัย-ทันโลก ดูถูกดูแคลนคนเก่าแก่กว่าว่าล้าหลัง-คลั่งชาติ
คนจำพวกนี้คือข้าทาสของ “ลัทธิบริโภคนิยม”
พวกเขาใช้ลัทธินี้แหละสำหรับการดำเนินชีวิตทุกด้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องการเมือง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพวกเขาจึงนิยมพรรคส้ม
เพราะพรรคส้มก็เป็นพวกเสพติดลัทธิบริโภคนิยม มีนโยบายพรรคแบบลัทธิบริโภคนิยม (ประชานิยม) เช่นกัน จึงทำ “การตลาดของการเมือง” (สร้างประเด็น-ปลุกระดม-ปั่นกระแส) ได้โดนใจคนพวกนี้ และพวกเขาจะต้องทำต่อเนื่องไม่หยุด ไม่เช่นนั้นกระแสตกเหมือนลูกโป่งสวรรค์หมดก๊าซ
ฐานเสียงสำคัญอีกพวกหนึ่งก็คือพวก“ซ้ายเก่า” คือพวกนักสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ที่ออกจากป่า เพราะ พคท. เจ๊ง รวมทั้งพวกที่อยู่ในเมืองด้วย เป็นคนชั้นกลางก็มี ยากจนก็มี เป็นเศรษฐีก็มี เป็นเจ้าของกิจการพันล้านหมื่นล้านก็มี คนเหล่านี้เกลียดชังเจ้า ซึ่งส่วนมากก็โดนลัทธิมาร์กซ์เสี้ยมสอนไว้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ดังนั้นแม้อายุ 70-90 กระทั่งใกล้ตายแล้ว ก็ยังเชียร์ทุกพรรคทุกฝ่ายที่ล้มเจ้า เพราะการล้มเจ้าได้จะทำให้พวกเขา “ออกัสซั่ม” กับอุดมการณ์เสียที
ฐานเสียงทั้งหมดนี้จึงหาความแน่นอนไม่ได้ เพราะคนของพรรคส้มล่องลอย นโยบายก็ล่องลอย ฐานเสียงที่เป็นคนรุ่นใหม่ก็ล่องลอย ทั้งหมดล่องลอยเหมือนลูกโป่งสวรรค์ ซึ่งเป็นผลิตผลของลัทธิบริโภคนิยมทั้งนั้น จึงจะส่งผลให้ซ้ายเก่าซ้ายแก่ที่เกิดในยุค “เบบี้บูม” ที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งกันหมดแล้ว ต้องตายไปอย่างอารมณ์ค้าง!
หากมีพรรคใหม่เกิดขึ้น มีนโยบายล่อเหยื่อที่น่าอร่อย มีคนหนุ่มคนสาวหน้าตาดี มีการศึกษาจากเมืองนอก มีลูกเศรษฐีเป็นเจ้าของพรรค ทำการตลาดการเมืองเก่ง พวกคนรุ่นใหม่ก็จะแห่แหนเข้าไปเป็นลิ่วล้อกองเชียร์อีก เพราะการเมืองสำหรับพวกเขาคือการเสพอย่างหนึ่ง เพื่อความทันสมัย มีพวกมีฝ่าย และขยายอัตตาให้ใหญ่ขึ้น
ไม่ใช่เรื่องสำนึกผิดชอบชั่วดีที่มีต่อประเทศชาติ ที่พวกเขาเกิดและเติบโตมาจนวันนี้
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี