มีพวกสามกีบเข้าไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของผมว่า “อเมริกาไม่มีเจ้าทำไมเจริญ” ผมก็ตอบไปว่า “การสร้างประเทศนั้นแตกต่างกัน เหมือนต้นไม้ต่างพันธุ์” แล้วก็ถามกลับว่า “ลาว เขมร พม่า ที่เจ้าโดนกำจัดไปหมดแล้วทำไมไม่เจริญ” เขาตอบว่า “เพราะมันเป็นเผด็จการทหาร ไม่ใช่ประชาธิปไตย”
ผมมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เช่น “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อประเทศไทยไม่มีเจ้าแล้วจะไม่มีเผด็จการ ทั้งเผด็จการพลเรือนในนามของประชาชน หรือไม่ก็เผด็จการทหาร” แต่ก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เพราะเขาไม่ต้องการหาข้อสรุป แต่ต้องการเอาชนะ
ผมจึงเก็บเอาคำว่า “ประชาธิปไตย” กับคำว่า “เจริญ” มากล่าวในบทความนี้
มี “คำนิยาม” ของ 2 คำนี้มากมายจนไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรแน่ และ “ความเป็นจริง” ของคำว่าประชาธิปไตยกับความเจริญเป็นอย่างไร
ระบอบประชาธิปไตย นั้นมีความหมายไปตามใจของแต่ละคน คนไหนมีอำนาจหรือมีช่องทางส่งเสียงได้ดังกว่าคนอื่น ก็มักจะได้รับการยอมรับคำนิยามนั้น
อเมริกาก็นิยามความหมายอย่างหนึ่ง ยุโรปก็อย่างหนึ่ง รัสเซีย จีน ลาว ก็นิยามอย่างหนึ่ง กระทั่งเกาหลีเหนือก็บอกว่าประเทศตนเป็นประชาธิปไตย! หลายประเทศมีคำว่าประชาธิปไตยอยู่ในชื่อประเทศอีกด้วย
คำนิยามของคำว่าประชาธิปไตยจึงขึ้นอยู่กับประโยชน์และอำนาจของคนนิยาม
แม้อเมริกากับประเทศในยุโรปมีนิยามต่างกันบ้าง เพราะอเมริกาไม่มีกษัตริย์ แต่หลายประเทศในยุโรปมีกษัตริย์ แต่พวกเขาก็ร่วมมือกัน “ส่งออก” ประชาธิปไตยไปเป็น “เครื่องมือและอาวุธ” ล่าทรัพยากรในต่างประเทศ ด้วยการแบ่งแยกคนในประเทศนั้นๆ ให้เป็นฝักฝ่าย ซึ่งบางประเทศมีการปกครองแบบเผด็จการ บางประเทศปกครองแบบศักดินา หลายประเทศเป็นลูกผสม พวกเขาใช้คำว่า“ประชาธิปไตย” เข้าไปปั่นกระแสให้ประชาชนในประเทศนั้นๆ ต่อสู้กันเอง ตั้งแต่สู้กันทางความคิดที่แตกต่าง สู้กันจนถึงจุดเดือด เมื่อไม่มีใครฟังใครก็ลงท้ายด้วยการใช้กำลังอาวุธ เป็นสงครามกลางเมือง สงครามประชาชน บ้างก็ตั้งกองกำลังต่อสู้กันยืดเยื้อยาวนานจนประเทศชาติหายนะ ประชาชนยากแค้นแสนเข็ญ ไม่มีโอกาสได้สงบสุข
พอประชาชนแตกแยก ประเทศชาติก็อ่อนแอ ประเทศล่าทรัพยากรเหล่านั้นก็ครอบงำชักใยฝ่ายที่ตนสนับสนุนได้สบาย แต่ก็ “เลี้ยงไข้”อีกฝ่ายไว้ด้วย เพื่อคานอำนาจของฝ่ายชนะ(ประชาธิปไตย) ไม่ให้เหลิงอำนาจ
ส่วนพวกคนไทยที่กระหายอำนาจ อยากครองอำนาจของประเทศก็ยอมเป็นหมารับใช้-ขายชาตินำวิธีที่พวกประเทศเหล่านั้นมาใช้สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างเดียวกัน พูดตอกย้ำเพื่อฝังหัวคนทุกวันว่า “ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย”
ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วคือ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แต่พวกขายชาติก็ยังตะแบงว่าเป็นเผด็จการบ้าง เป็นศักดินาบ้าง เพียงเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์! แต่ไม่มองว่าประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ในยุโรปก็อยู่ในขบวนการล่าทรัพยากรด้วย!
พวกขายชาติเชื่อว่า “ความเจริญของประเทศต่างๆ นั้น เป็นผลจากระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์” แต่คำถามก็คือประเทศอังกฤษและในยุโรปเหนือก็มีพระมหากษัตริย์ ทำไมพวกขายชาติยกย่องว่าประเทศที่เจริญแล้ว?
คำถามสำคัญก็คือ “อะไรเจริญ - เจริญอะไร?”
ถ้าไม่มีวัตถุพรั่งพร้อม ก็เรียกว่าไม่เจริญทางวัตถุ
หากใจมืดบอด โง่งม ไร้สติปัญญาก็ไม่เจริญทางปัญญา
ปัญญานี้เองที่เป็นตัวชี้ขาด ว่าสังคมหรือประเทศนั้นๆ เจริญมากน้อยเพียงใด เจริญเฉพาะแต่ทางวัตถุ แต่ผู้คนไม่มีปัญญาก็ไปไม่รอด แต่ที่รอดมาได้ก็เพราะมีคนที่มีปัญญา อย่างน้อยก็มีหัวคิดว่าอะไรควรไม่ควร ใช่หรือไม่ใช่
ความเห็นของผม...ระบอบประชาธิปไตยเป็นแค่ “ลัทธิการเมือง” ถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยความหวังว่าคนในสังคมจะอยู่ร่วมกันโดยปรกติสุข แต่มันกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือแย่งชิงหรือไม่ก็แบ่งสรรปันส่วนอำนาจกันในหมู่ผู้กระหายอำนาจ มันถูกใช้ไปตามกมลสันดานของคน
ระบอบประชาธิปไตยเป็นส่วนเสี้ยวเดียวในสังคม และมันถูกนำเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นแค่เปลือกหรือเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่คนใส่จะมีสันดานอย่างไรก็ได้ จึงต่างคนต่างก็เรียกร้อง-ต่อสู้ไปตามความเชื่อและแรงตัณหาของตน มันไม่มีนิยาม ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีความจริงใดๆ มันจึงไม่ใช่สิ่งที่จะค้ำประกันได้ว่าจะสร้างสรรค์สังคมให้ปรกติสุขได้ เพราะมันถูกทำให้เป็น “ระบอบไสยศาสตร์” ไปแล้ว
แต่ “วัฒนธรรม (ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี) และจริยธรรม” ต่างหากที่อยู่กับสังคมไทยมานาน และมันโอบอุ้มสังคมเอาไว้
ข้อพิสูจน์ที่ง่ายมากก็คือ เมื่อพวกเทิดทูนประชาธิปไตยประกาศอยู่ทุกวันว่า “ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย” แต่เพราะอะไรประเทศไทยจึงดำรงอยู่มาได้จนถึงวันนี้
คำตอบก็คือ เพราะสังคมไทยมีวัฒนธรรมและจริยธรรมที่อยู่ในใจคนจนเป็นสามัญสำนึกของสังคม ไม่ใช่ลัทธิหรือระบอบการเมืองใดๆ ที่หาความแน่นอนไม่ได้
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ผม “ต่อสู้ด้วยความคิด”เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันกษัตริย์คือความเป็นจริงของวัฒนธรรมและจริยธรรมที่สำแดงออกโดยไม่ต้องนิยาม
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี