มหกรรมเทศกาล October Fest ปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2024 จนถึงบ่าย 2 วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2024 ทำให้คิดถึงเบียร์และอาหารเยอรมัน เนื่องจากได้ห่างเหินไปเป็นระยะหนึ่ง
ร้าน Ratsstube ก่อตั้งเมื่อปี 1985 ในบริเวณศูนย์วัฒนธรรมไทย-เยอรมันที่เรียกว่า “สถาบันเกอเธ่” เป็นร้านอาหารเยอรมันแท้ๆ ก่อตั้งโดยคู่สามีภรรยาชาวไทย-เยอรมันจนถึงปัจจุบันยังคงดำเนินกิจการของครอบครัว ประการสำคัญคืออาหารเยอรมันโฮมเมดแบบดั้งเดิมที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวานให้เลือกมากมาย ทั้งยังมีรายการที่ผสมผสานความเป็นไทย อย่างขาหมูเยอรมันที่นำมาทำเป็นสลัดแบบไทย นอกจากเรื่องรสชาติอาหารแล้ว ยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศอันสะดวกสบาย มีบริการที่ดี เหมาะสำหรับรับแขก หรือเจรจาธุรกิจในวันธรรมดามื้อกลางวัน และเป็นร้านนิยมชมชอบของครอบครัวในช่วงวันสุดสัปดาห์ ในราคาที่สบายกระเป๋าสบายใจ นอกเหนือจากอาหารเยอรมันแล้ว ยังให้บริการอาหารไทยง่ายๆ พร้อมเบียร์เยอรมันนำเข้าหลากหลายชนิดและเบียร์ไทยอีกด้วย
ตัวร้านเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์ในวิลล่าสไตล์โคโลเนียล มีบริเวณร่มรื่นกว้างขวาง ในซอยที่เงียบสงบซึ่งเชื่อมระหว่างซอยสาทร 1 และซอยงามดูพลี ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลบลี้หนีจากความแออัดของกรุงเทพฯ ซ่อนอยู่สวนลับใจกลางเมือง
เยอรมันไม่มีอาหารที่เรียกได้ว่าอาหารประจำชาติเป็นการจำเพาะเจาะจง แต่มีความหลากหลายของอาหารต่างๆ กระจายมาจาก 16 แคว้น ซึ่งต่างมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับความใกล้ประเทศที่อยู่ข้างเคียงจึงเป็นวัฒนธรรมอาหารผสมผสาน ทั้งนี้เนื่องจากทหารในกองทัพปรัสเซีย เมื่อช่วงปลายทศวรรษที่ 19 ไปรบตามประเทศต่างๆ ได้นำอาหารชาวบ้านมาถ่ายทอด ปิ้ง ย่าง ทอด ขนมปัง มะเขือเทศ แม้กระทั่ง เนยแข็ง จนถึงไวน์อันมีชื่อเสียง เบียร์สารพัดสูตรจนเป็นที่ชื่นชอบกันต่อมา
Dinner rolls
ขนมปังดินเนอร์ที่นุ่มมาก เป็นขนมปังที่เยอรมันผูกพันกับวิถีชีวิตในทุกมิติ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน แม้ว่าอาหารการกินจะแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ “ขนมปัง” ก็ยังคงเป็นอาหารหลักที่เรียกว่าไม่ตายไปจากวิถีชีวิต ป้ายกินกับเนยเล็กน้อย เพื่อแก้หิวโหย เป็นขนมปังอย่างง่ายที่เนื้อละเอียดหอมนุ่ม แค่เริ่มต้นก็ประทับใจ
ชไวนส์ฮัคเซอ (Schweinshaxe)
เจ้าของร้านผู้มีน้ำใจงดงาม แนะนำสตาร์ทเตอร์เป็นออเดิร์ฟด้วยชีสกามองแบร์ทอด ที่ผิวจะกรอบนิดหน่อย แต่รสครีมมี่หอมนมแม่วัวข้างในยังอยู่ครบ จานนี้ถูกใจมาก แม้ว่าไปแย่งกินนมของลูกวัว
ขาหมูเยอรมันอบชไวนส์ฮัคเซอ (Schweinshaxe)
เป็นอาหารเยอรมันจานพระเอกอันมีชื่อเสียงชนิดหนึ่งที่เราชาวไทยรู้จักกัน ในเยอรมัน ชไวนส์ฮัคเซอเป็นจานยอดนิยมของรัฐไบเอิร์นโดยมีชื่อเรียกเป็นภาษาไบเอิร์นว่า ชไวนส์ฮัคส์ (Schweinshax) หรือ เซาฮัคส์ (Sauhax)
ทีเด็ดทีขาดของเชฟ ณ สำนักรัชตูเบ้ที่ทุกคนรอคอยคือ Schweinshaxe ขาหมูสไตล์เยอรมันที่ปรุงออกมาด้วยฝีมือไม่แพ้เชฟชาวดอยชท์ที่ว่าแน่ๆ ของบรรดา Bier Garten แทบทุกแห่งในเยอรมันทีเดียว อร่อยสะใจ หนังกรอบเนื้อในนุ่ม ด้วยกรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อน โดยการนำขาหมูส่วนหน้าหมักเกลือ กระเทียม พริกไทย และเทียนตากบ (Carum carvi L.) บางครั้งต้องหมักไว้หลายวันและในกรณีถ้าเป็นชิ้นใหญ่ อาจต้องหมักนานถึงหนึ่งสัปดาห์ เมื่อหมักได้ที่แล้ว บางสูตรจะต้มข้อขาหมูกับผักและเครื่องเทศต่างๆ แล้วเอาไปต้มจนสุก จึงผึ่งแดดให้แห้ง ใช้เวลาเตรียมขาหมูค่อนข้างนาน จึงจะนำแล้วเอาไปเข้าเตาอบในอุณหภูมิไม่สูงนักเป็นเวลา 2–3 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับขนาดของขา จนเหลืองกรอบ เหมาะกินแนมกับมันฝรั่งบดและ เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut-กะหล่ำปลีดอง) บางครั้งจะเสิร์ฟกับคาร์ท็อฟเฟิลโคลส (Kartoffel schließen -มันฝรั่งบด) และกะหล่ำปลีแดง ได้ใจคนมักเบียร์เป็นที่สุด แถมยังให้ถ้วยน้ำจิ้มแซ่บอิหลีดิลิเชียสด้วยน้ำจิ้มพิเศษแบบไทยๆ ให้สมใจอยาก
ไอส์ไบน์ ( Eisbein -กระดูกน้ำแข็ง, ขาน้ำแข็ง)
ขาหมูเยอรมันอีกชนิดหนึ่งที่แพร่หลายทั่วเยอรมนี เรียกว่าไอส์ไบน์ ( Eisbein) ใช้ข้อขาหมู(ชาวจีนเรียกคาโคว) บ่มเกลือหรือแช่น้ำเกลือก่อนนำไปเคี่ยวจนนุ่ม หรือแช่น้ำเกลือ จากนั้นนำไปต้มกับผัก เครื่องเทศ และสมุนไพร แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน อาหารที่คล้ายกันที่โปแลนด์เรียกว่า กอลองกา (golonka; "หน้าแข้งน้อย") ในสวีเดนเรียกว่า เฟล็สก์เล็กเมียรูตมูส (fläsklägg med rotmos- ขาหมูกับผักหัวบด)
Wurst (ไส้กรอกเยอรมัน)
อาหารเยอรมันจานหลักที่วิญญูชนนึกถึงหนีไม่พ้นไส้กรอกนานาชนิดที่ล้วนมีรสชาติความเอร็ดอร่อยแตกต่างกันแต่ละท้องที่ด้วยกรรมวิธี เครื่องเทศปรุงรส กับชนิดเนื้อสัตว์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้อหมู แต่สำหรับไส้กรอกจานใหญ่พิเศษรวมรสจานนี้ นอกจาก Bratwurst ที่ทำจากเนื้อหมูแล้วยังมีไส้กรอกทำจากเนื้อลูกวัวอันแสนจะโอชะอีกด้วย เป็นงานชุมนุมไส้กรอกไซส์เยอรมันที่เชฟทำเอง ขาดไม่ได้คือกะหล่ำปลีดองเซาเออร์เคราท์ ฝีมือเชฟปรุงที่ไม่ธรรมดา ตามวิถีครัวเยอรมันที่จะต้องพิถีพิถันใส่เกลือแต่พอเหมาะ ขาดไม่ได้คือลูกจูนิเปอร์เบอรี่ ใบกระวาน กานพลู เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในสำรับ สิทธิการิยะท่านว่าตัดเลี่ยนได้ดีนัก หรือจะแต่งเติมรสชาติให้เผ็ดอีกนิดด้วยมัสตาร์ดก็ไม่ผิดกติกาอันใด ไส้กรอกรวมจานนี้ใหญ่อลังการ์ หั่นเฉือนไปพลางซดเบียร์ไปพลาง จนหมดเบียร์ไปหลายลิตร
ปรกติชาวเยอรมันมีไส้กรอกหลากหลายแตกต่างกันถึง 1,500 ชนิด เช่น Bratwurst มีประมาณ 50 ชนิด Weisswurst ไส้กรอกขาว เป็นไส้กรอกเนื้อลูกวัวสไตล์บาวาเรียน ที่ไม่ใส่ทั้งสารกันบูดหรือรมควัน จึงเป็นไส้กรอกที่ต้องกินขณะยังสดใหม่ในแต่ละวัน หรือซาลามี (Salami) มีต้นกำเนิดจากอิตาลี แต่กลายมาเป็นไส้กรอกยอดนิยมของชาวเยอรมัน บรรดาไส้กรอกมักเสิร์ฟกับมันฝรั่งหรือขนมปัง
Schnitzel(เวียนนิชชนิทเซิล) Jägerschnitzel (เจเกอร์ชนิทเซิล)
ความที่เยอรมนีมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน พื้นที่ตอนใต้คือแคว้นบาวาเรียที่มีเขตเทือกเขาสูงเยอรมันแอลป์ติดต่อกับอดีตอาณาจักรออสเตรียฮังการีที่พูดภาษาโฮคดอยชท์เหมือนกัน วัฒนธรรมด้านอาหารการกินจึงถ่ายทอดกันไปมา ฉะนั้น เมนูหมูแผ่นทุบชุบขนมปังป่นทอดที่เรียกว่าชนิทเซิล จึงขึ้นโต๊ะเป็นเมนคอร์สของคนทั้งสองฟากฝั่ง โดยต่างกล่าวอ้างว่าเป็นอาหารประจำชาติของตน รัชตูเบ้จึงจัดให้เป็นสองเมนู กล่าวคือ เวียนนิชนิทเซิล ราดด้วยซอสครีมขาว จานนี้สำหรับคนที่รักกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เสิร์ฟด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ และอีกจานหนึ่งสำหรับคนชอบอาหารแบบบาวาเรียนดอยชท์ คือ เจเกอร์ชนิทเซิล หมูทอดราดด้วยซอสเห็ดแชมปิญองขนาดเขื่อง ตามแบบพรานไพรทำกิน อร่อยสุดได้ใจจริงๆ
สตูว์ลิ้นวัว
สตูว์ลิ้นวัวซอสน้ำเกรวี่คล้ายกูล้าชแบบฮังกาเรียน นุ่มละมุนลิ้นเป็นที่สุด เคยสั่งเมื่อหนก่อนทำให้ติดใจมาก กรรมวิธีไม่เหมือนกับสตูว์ลิ้นวัวแบบกุ๊กช็อปครัวไหหลำ เพราะเชฟที่นี่เขาไม่ยอมเอามะเขือเทศเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อร่อยเหาะจนต้องร้อง ชเม็คกู้ด
Sauerkraut (กะหล่ำปลีดอง)
กะหล่ำปลีซอยหมักกับเกลือและแต่งกลิ่นด้วยสมุนไพรพริกไทยเม็ดและจูนิเปอร์เบอร์รี เป็นจานเครื่องเคียงของเยอรมันที่ขาดไม่ได้ กะหล่ำหมักจะมีรสเปรี้ยว นิยมกินกับเนื้อหมูเค็มชนิดต่างๆ โดยเฉพาะขาหมูทอด ไส้กรอก ฯลฯ ให้รสชาติลงตัว ช่วยตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี จึงเป็นอาหารเคียงจานยอดนิยม
วัฒนธรรมอาหารการกินของชาวเยอรมันแตกต่างกันไปตามภูมิภาค เช่น บาวาเรีย จากแคว้นทางใต้ อาหารจะคล้ายกับประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ คือ สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ส่วนทางตะวันตกจะกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมฝรั่งเศส ในขณะที่อาหารทางตะวันออกจะใกล้เคียงกับอาหารทางยุโรปตะวันออก และอาหารบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือจะใกล้เคียงกับอาหารแถบสแกนดิเนเวีย
ลักษณะมื้ออาหารการกินตามปกติ มีมื้อหลักของวันคือมื้อกลางวัน ส่วนมื้อเย็นจะเป็นมื้อรองท้อง เช่น แซนด์วิชชิ้นเล็กๆ อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ชาวเยอรมันปัจจุบันบางส่วนจึงหันมากินอาหารมื้อเย็นเป็นมื้อหลัก ส่วนมื้อเช้า (Frühstück) มักประกอบไปด้วยขนมปัง เช่น ขนมปังปิ้ง ขนมปังก้อน ทาแยมหรือน้ำผึ้ง ไข่ กาแฟ (ส่วนเด็กๆ จะดื่มโกโก้ร้อน) กับอาหารจำพวกเนื้อ เช่น แฮมหรือซาลามี เนยแข็งชนิดต่าง ๆ พร้อมทาขนมปังอีกหลายประเภท เช่น ตับบด รวมไปถึงซีเรียลและมูสลี
แอปเปิ้ลสตรูเดิล
เจ้าของร้านส่งแขกด้วยเมนูของหวานพิเศษให้ตัดคาวด้วยผลแอปเปิ้ลหั่นเต๋า อบจนเท็กซเจอร์ของผลไม้ หยดหยาดความหวานฉ่ำ แล้วราดด้วยครีมซอส รสชาติผู้ดีมีสกุล ไม่หวานเลี่ยนจนน้ำตาลขึ้น จนขอสารภาพว่าเป็นขนมอร่อยที่สุดในรอบปี Gute Appetit!
ห้องอาหารรัชตูเบ้ (RASSTUBE GERMAN RESTAURANT BANGKOK)
18/1 ซอย สาธร 1 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ10120
โทร.02 2864258,02 6799893, 66 615240759
เปิด : 11:00 AM - 10:00 PM
วิธีการเดินทาง
ภาพถ่าย มีรัติ รัตติสุวรรณ และ FB.ของร้าน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี