ตุ๊กตานั้นเสมือนเพื่อนในวัยเยาว์ที่เราจะเล่าความลับทั้งหลายให้ฟัง พอเติบโตขึ้น ตุ๊กตาเหล่านี้กลับกลายเป็นอดีตความรักที่ถูกทอดทิ้ง กลายเป็นร่องรอยหอมหวานแห่งวัยใสในความทรงจำ แต่สำหรับตุ๊กตาบางตัวแล้ว...กลับไม่เป็นแบบนั้น..!!
ย้อนไปในปี คศ.1896 ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งในเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริด้า ประกอบด้วยพ่อ แม่และลูกชายนามว่า โรเบิร์ต ยูจีน ออตโต เด็กชายได้รับตุ๊กตาเป็นของขวัญวันเกิด ตุ๊กตาสวมชุดกะลาสีเรือ เด็กน้อยยูจีนหลงรักตุ๊กตาตัวนั้นทันทีพลางตั้งชื่อให้ว่า “โรเบิร์ต” เหมือนชื่อตัวเอง
ยูจีนอุ้มตุ๊กตาไปด้วยทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องคอยหันไปคุยกับเจ้าตุ๊กตาตลอดเวลา เสียงผู้เป็นแม่ได้ยินเป็นประจำคือเสียงลูกชายตัวน้อยถามความเห็นโรเบิร์ต เหมือนคุยกับเพื่อนรักรุ่นราวคราวเดียวกัน
ตอนแรกพ่อและแม่ไม่ได้รู้สึกเอะใจกับพฤติกรรมติดตุ๊กตาของลูกชายแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าหลายต่อหลายหนที่ทั้งพ่อและแม่ได้ยินเสียงเหมือนเด็กผู้ชายอีกคนพูดโต้ตอบกันดังมาจากห้องนอนของลูก ต่อมาต้องประหลาดใจที่ของเล่นและของใช้ต่างๆ แตกหักเสียหายอยู่เสมอ ยูจีนบอกว่าตนไม่ได้ทำ แต่โรเบิร์ตทำ
จากนั้นทั้งครอบครัวเริ่มสัมผัสเรื่องแปลกๆ บางวันได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักในห้องที่มีโรเบิร์ตอยู่ตามลำพัง มิหนำซ้ำเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่าเวลาที่ไม่มีคนอยู่บ้าน หากมองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องนอนชั้นบน จะเห็นโรเบิร์ตเคลื่อนไหวไปมา เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด พ่อแม่ของยูจีนนำโรเบิร์ตไปเก็บไว้บนห้องใต้หลังคาแทน
ยูจีนเติบโตขึ้นเป็นศิลปิน จึงทำงานที่บ้านทุกวัน วันหนึ่งนึกอยากเดินขึ้นไปสำรวจห้องใต้หลังคา พบตุ๊กตาจมฝุ่นอยู่ที่นั่น พลันยูจีนนึกได้ว่าตนรักโรเบิร์ตขนาดไหนตอนยังเด็ก จึงนำตุ๊กตากลับมาตั้งโชว์ในห้องรับแขกอย่างภาคภูมิใจ บางครั้งหันไปพูดคุยกับโรเบิร์ตเหมือนสมัยเด็กไม่ผิดเพี้ยน
ยูจีนชอบทำงานโดยมีตุ๊กตาโรเบิร์ตอยู่เคียงข้างด้วยเสมอ หลังจากนั้นไม่นานยูจีนแต่งงาน ผู้เป็นภรรยารู้สึกอิจฉาแกมรำคาญ จึงตัดสินใจนำโรเบิร์ตกลับไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของมืดๆ เมื่อยูจีนรู้เรื่องเข้าก็ตะคอกใส่ภรรยาว่าโรเบิร์ตมาเข้าฝัน
เพื่อนๆ ของยูจีนเองไม่กล้ามาเยี่ยมเยือนที่บ้านเหมือนเก่า โดยให้เหตุผลว่าตุ๊กตาตัวนี้คอยเหลือบมองผู้มาเยือนยามเผลอเสมอ ยูจีนตัดสินใจเก็บโรเบิร์ตไว้ในห้องใต้หลังคาตามเดิม ผู้คนที่ผ่านไปมา มองขึ้นไปยังห้องใต้หลังคา มักเห็นโรเบิร์ตเดินผ่านหน้าต่าง ขณะเดียวกับยูจีนเริ่มมีอาการคล้ายคนบ้า จากนั้นล้มป่วย จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อ 24 มิถุนายน ค.ศ.1974 โดยที่ตุ๊กตาโรเบิร์ตอยู่เคียงข้างจนนาทีสุดท้าย
หลังจากเจ้าของบ้านเสียชีวิต บ้านถูกขายให้ครอบครัวอื่น.. แล้วความสยองแบบเดิมก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งลูกสาววัย 10 ขวบของครวบครัวใหม่หาโรเบิร์ตพบในห้องใต้หลังคา แม้ว่าตอนนี้โรเบิร์ตจะดูน่าขนพองสยองเกล้าด้วยความเก่าหมองทรุดโทรม แต่ลูกสาวเจ้าของบ้านกลับหลงรักโรเบิร์ตจับใจ อุ้มตุ๊กตาไปไหนมาไหนพลางพูดคุยกระหนุงกระหนิงเหมือนที่ยูจีนทำกับโรเบิร์ตอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เหตุการณ์ต่อจากนั้นเหมือนวนลูปเดิม สุดท้ายครอบครัวใหม่ต้องเอาตุ๊กตาโรเบิร์ตไปบริจาคที่พิพิธภัณฑ์อีส มาร์เทลโล (East Martello Museum) เหล่าหมอผีคนทรงบอกว่า วิญญาณของโรเบิร์ตกำลังจางหายไปช้าๆ เพราะเส้นผมตุ๊กตาเริ่มกลายเป็นสีขาวเหมือนคนแก่
บ้านใหม่ของโรเบิร์ตเป็นตู้กระจกเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชมแตะต้อง เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์รายงานว่าโรเบิร์ตยังคงส่งสายตาจ้องมองนักท่องเที่ยวจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันเจ้าตุ๊กตาเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีตัวนี้ได้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวที่เมืองคีย์เวสต์
ครั้งหนึ่งสมาคม Atlantic Paranomal Society ในเมืองเคลียวอเตอร์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ขอตัวโรเบิร์ตไปแสดงนิทรรศการ และใช้กล้องสำหรับถ่ายภาพรังสีออร่าถ่ายภาพโรเบิร์ตด้วย สิ่งที่น่าตกใจคือกล้องสามารถถ่ายภาพรังสีออร่าของโรเบิร์ตได้ ทั้งที่รังสีออร่าจะมีแต่ในสิ่งมีชีวิตเท่านั้น !
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรเบิร์ตยืนสงบนิ่งอยู่ในตู้กระจก ว่ากันว่าเวลาใครเข้าไปถ่ายรูปแล้วโรเบิร์ตถูกใจ ก็จะค่อยๆ เอียงคอมามอง หากแต่ถ้าเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาก็ตัวใครตัวมัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี