ตลอดเวลา 8 ปีที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่บริหารประเทศ มีแต่เสียก่นด่าว่าพล.อ.ประยุทธ์โง่ ส่วนฝ่ายค้านโดยเฉพาะนางโฆษกพรรคเพื่อไทยที่แถลงข่าวครั้งใดก็จะพูดตอกย้ำว่า “4 ปีไม่มีผลงานอะไร 5 ปีไม่มีผลงานอะไร” พูดย้ำอยู่อย่างนี้ทุกปีจนปีที่ 8 ก็ยังพูดเหมือนเดิมเหมือนสมองตาย!
เป้าหมายที่พูดอย่างนี้ก็เพราะต้องการให้คนฟังบ่อยๆ เมื่อฟังบ่อยก็จะเชื่อไปเอง เพราะคนไทยไม่ชอบศึกษาหาข้อมูล ชอบพูดชอบฟังแล้วก็เชื่อง่ายยิ่งใครพูดบ่อยก็ยิ่งเชื่อว่าเป็นความจริง แม้แต่นางโฆษกพรรคเพื่อไทยที่ทั้งพูดทั้งฟังตัวเองก็คงเชื่อว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีผลงานจริง!
ผมจึงนำเอาผลงานของพล.อ.ประยุทธ์แปะไว้ในคอลัมน์นี้ เมื่อมีใครพูดก็จะได้ใช้เป็นยันต์แปะหน้าผากกลับไป
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้วางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เชื่อมโยงความเจริญไปสู่ทุกภาคในประเทศไทย ทั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง, เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ในพื้นที่จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส, และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่ 1.ภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย 3.ภาคกลาง – ตะวันตกในจังหวัดนครปฐมพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และ 4.ภาคใต้ในจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อาทิ
- ทางอากาศ ปรับปรุงและสร้างสนามบินเพิ่มทั่วประเทศ รองรับนักท่องเที่ยวและการขนส่ง เช่น อาคารเทียบเครื่องบิน สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน สนามบินเบตง สนามบินกระบี่ สนามบินขอนแก่น สนามบินตรัง สนามบินนครพนม สนามบินสกลนคร
- ทางน้ำ โดยพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง
- ทางบก พัฒนาทางถนนเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 12,000 กิโลเมตร และมอเตอร์เวย์ 3 สายบางปะอิน-โคราช, บางใหญ่-กาญจนบุรี, พัทยา-มาบตาพุด รวม 260 กิโลเมตร, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และสะพานเชื่อมไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน, รถไฟฟ้า 12 สาย, โครงข่ายทางรถไฟ 4,044 กิโลเมตรครอบคลุม 47 จังหวัด แบ่งเป็น ทางคู่ 14 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2,500 กิโลเมตร, ทางรถไฟสายใหม่ 10 เส้นทาง, รถไฟความเร็วสูง 8 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,507 กิโลเมตร, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในเขต EEC และล่าสุด คือ ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์เชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยทางหลวงหมายเลข 12 รองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor–EWEC)
นอกจากนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังส่งเสริมผลักดันโครงการพัฒนาอย่างครบถ้วนทุกมิติ เห็นชัดจากถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้น ระบบรางรถไฟทั้งทางคู่และรถไฟความเร็วสูง-รถไฟฟ้าเชื่อมต่อกรุงเทพฯและปริมณฑล การปรับปรุงและเพิ่มสนามบิน-กู้วิกฤตสายการบินแห่งชาติ การวางเครือข่ายโทรคมนาคมและดิจิทัล อินเตอร์เนต-5G ครบวงจร ระบบพร้อมเพย์ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมและอวกาศ เช่น THEOS-2 ดาวเทียมสำรวจดวงแรกของไทยในระดับ Industrial Grade เตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศเดือนกันยายน 2566 และในเดือนตุลาคม 2566 สำหรับ THEOS-2A แล้ว ยังส่งเสริมโครงการ “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” ด้วยเครื่องโทคาแมคเครื่องแรกของไทยเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาด เป็น 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลกที่มี และเร่งขับเคลื่อนนโยบายอวกาศให้เป็นรูปธรรมโดยศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างจัดตั้งท่าอวกาศยานในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานสำหรับการส่งและรับยานอวกาศ หรือ spaceport พร้อมกับมุ่งเป้าเปลี่ยนทิศการขนส่งโลกมาไทยด้วยโครงการ “แลนด์บริดจ์” ในอนาคตอีกด้วย
ผลสำเร็จของการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้ง ล้อ-ราง-เรือ-อากาศ-ดิจิทัล โทรคมนาคม และเครือข่ายอินเตอร์เนต 5G ที่ผ่านมาทำให้มีการสร้างความเจริญและการพัฒนาที่ยั่งยืนไปยังทุกจังหวัดทั่วทุกภาคในประเทศไทยจนธนาคารโลกจัดอันดับจากดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ประจำปี 2566 (LPI 2023) ในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้วยคะแนน 3.7 ทำให้ไทยอยู่อันดับ 9 ของโลกร่วมกับอีกหลายประเทศ เช่น กรีซ อิสราเอล มอลตา อังกฤษ
การดำเนินการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2562 ไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียน 4 ปีซ้อน (อันดับที่ 44 ของโลก) และดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index -HDI) ของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ “ระดับสูงมาก” ของ UNDP ต่อเนื่องมา 3 ปี โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไร้การทุจริตคอร์รัปช่ัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น “มรดกแห่งความเจริญ” ที่ผลิดอกออกผลให้คนไทยได้รับประโยชน์ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
ประการสำคัญนอกเหนือจากความสำเร็จของทศวรรษแห่งการพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวางโครงสร้างอนาคตของชาติด้วยการสะสมความมั่งคั่งและมั่นคงให้ประเทศชาติมาโดยตลอด เช่น ในปี 2565 ไทยอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก จากจำนวนสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศและซื้อทองคำเข้าทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากที่สุดในเอเชีย ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีทองคำเพิ่มจาก 152.41 ตันมาอยู่ที่ 244.16 ตัน ทำให้ทุนสำรองที่เป็นทองคำเพิ่มขึ้นถึง 60.20% ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของประทศไทยจากการจัดอันดับของทั้ง Fitch Moody’s และ S&P ให้มุมมองความน่าเชื่อถือ “ระดับมีเสถียรภาพ” และคงความน่าเชื่อถือไทย BBB+ สำหรับ Fitch และ S&P และ Baa1 สำหรับ Moody’s อย่างต่อเนื่อง
“ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้เดินหน้าและพัฒนาความเจริญอย่างมีเสถียรภาพมาเกือบ 10 ปี สิ่งเหล่านี้คือการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อขยายความเจริญไปทุกภูมิภาค และส่งผลถึงการจ้างงานการค้าขายทำธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อประเทศไทยของเราทุกคน”
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี