ทุกคนอยากมีความสุข แต่กลับไม่รู้จักความสุขว่า “เป็นอย่างไร” และ “ทำอย่างไร” จึงจะมีความสุขเราจึงดิ้นรนและไขว่คว้าไปอย่างคนหลงทาง ไม่เพียงเท่านั้นชีวิตยังถูกทำลายไปด้วย
นับแต่คลอดจากครรภ์ของแม่ เราก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม ด้วยหวังให้เรามีความสุข ร่างกายแข็งแรง เมื่อเติบโตขึ้นถึงวัยเข้าเรียน พ่อแม่ก็ส่งเราเข้าไปอยู่ในเนิร์สเซอรี่ ต่อมาก็ชั้นอนุบาล ชั้นประถมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา ด้วยความคาดหวังของพ่อแม่ว่าเราจะเรียนเก่ง บางคนพ่อแม่ก็คาดหวังให้เรียนตามความใฝ่ฝันของพ่อแม่ เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่พ่อแม่จะมีเงินส่งเสียและเรามีความสามารถเรียน เรามีความสามารถไปเรียนในสถาบันการศึกษาของประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ยิ่งดี เราเป็น “นักเรียนนอก” กลับมาก็โก้เก๋กว่าเป็น “นักเรียนใน” ประเทศมากนัก
กว่าเราเรียนจบปริญญาตรีก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต ยกเว้นแค่ 3 ปีแรกเท่านั้นที่เราได้อยู่กับพ่อแม่
เกือบ 20 ปี ที่เราอยู่ในห้องเรียน สี่เหลี่ยม!
จากนั้นถ้าเราจบปริญญาโทก็บวกอีก 2 ปี ปริญญาเอกอีก 2 ปี
เมื่อรวมทั้งหมดก็ 24 ปี!
เมื่อจบออกมาแล้วเราก็หางานทำ ได้งานที่ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง หรือได้ช้าบ้างเร็วบ้าง ยกเว้นพ่อแม่ของเรามีทรัพย์สินมหาศาล เราทำงานหนักถ้าอยากก้าวหน้าในอาชีพหรือเป็นเจ้าของกิจการที่อยากประสบความสำเร็จ หรืออาจทำงานไปวันๆ ถ้าเป็นลูกจ้างที่หวังมีความสบาย
ในแต่ละวัน
ในระหว่างทำงานเราก็ต้องผจญกับปัญหานานา ทั้งปัญหาจากงานและปัญหาจากคน ปัญหาจากกฎกติกาและผู้มีอำนาจ ท่ามกลางการต่อสู้เหล่านั้นมีทั้งสูญเสียและได้มา บ้างก็สูญเสียพ่ายแพ้ไปก่อนครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะลุกยืนได้
การทำงานก็เหมือนสงคราม ไม่ว่าจะแพ้ชนะต่างก็เหนื่อยและสูญเสีย
บางคนสูญเสียเวลา สูญเสียสุขภาพ และบ้างก็สูญเสียความเป็นมนุษย์ของตนไป
ทั้งหมดที่เราทุ่มเท ทั้งหมดที่เราพบเผชิญ ก็เพราะต้องการได้เงินสำหรับซื้อหาสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข”
โลกในยุคที่มีความพรั่งพร้อมทางวัตถุและเทคโนโลยีในรูปลักษณ์ต่างๆ นานา ที่เรียกว่าเครื่องอุปโภค-บริโภคทั้งหลายนั้นล้วนแต่น่าครอบครอง
น่าเสพ เพื่อความสุขทั้งนั้น
ทรัพย์สินและยศถาบรรดาศักดิ์ก็ยั่วยวนให้เราอยากมี อยากได้ อยากเป็น เพื่อสนองความอยากของเรา เพราะมันช่วยยกระดับความเป็นคนของเราให้สำคัญและสูงค่ากว่าคนอื่นๆ มันนำเอาอำนาจ ชื่อเสียง และความเคารพนับถือมาพอกพูนอัตตาของเราให้รู้สึกว่ายิ่งใหญ่ และเราก็มีความสุข
ความบันเทิงในรูปลักษณ์และประเภทต่างๆ รสอร่อยจากอาหารและกามคุณทั้งหลาย ก็เร้าความปรารถนาของเราให้เสพมันเพื่อความสุข
เราเชื่อว่ายิ่งครอบครองได้มาก เสพได้มากก็ยิ่งจะมีความสุขมากขึ้น
แต่เราไม่เคยฉุกคิดว่าทำไม เรายิ่งครอบครองยิ่งเสพมากเท่าไรกลับไม่เคยพอ เราแค่ตื่นเต้นยินดีแค่ชั่วครู่ชั่วยามกับการได้ครอบครองและได้เสพ ไม่นานเราก็เบื่อ และเราก็ต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาของใหม่มาครอบครองมาเสพอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยไปอย่างไม่รู้จุดสิ้นสุด และยิ่งเสพก็ยิ่งสะสมความแข็งกระด้าง ความเครียดไว้ในใจเรา
เราจึงออกไปหาธรรมชาติเพื่อพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ ที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน ที่มีความสุข เพื่อเราจะได้ลืมสงครามแห่งการงาน
อันหนักหน่วง และความกระหายเสพสิ่งอื่นอย่างอื่นชั่วครั้งชั่วคราว เรารู้สึกอยากอยู่กับธรรมชาติให้ยาวนาน เพราะเรารู้สึกว่าสมองโล่ง ใจเบิกบาน ตัวเบาสบาย แต่เราก็ต้องกลับไปทำสงครามอันหนักหน่วงหรือขุ่นข้องหมองใจต่อ
เพื่อหาเงินไว้ครอบครองเสพสุข
เราเดินทาง - ทำงาน - กลับบ้าน - พักผ่อน - ไปทำงาน - สังสรรค์กับเพื่อนบ้าง -ไปต่างจังหวัดบ้าง ชีวิตเราเวียนวนเหมือนหมาไล่งับหางตัวเอง เป็นเป็นวงจรที่บิดเบี้ยว เป็นวัฏฏะที่ไม่อาจหลุดพ้นไปได้ ยิ่งนานวันเราก็ยิ่งไม่พอใจในชีวิต ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วย และมีโรคประสาทซ่อนไว้เป็นระเบิดเวลา
เราไม่เคยสำเหนียกว่าในช่วงเวลาที่เราออกไปสู่ธรรมชาตินั้น เราผ่อนคลาย และหากได้มีโอกาสอยู่เงียบๆ ตามลำพัง เราจะรู้สึกสงบ ตัวเบาสบาย โลกกว้างไกล ธรรมชาติรอบตัวอ่อนโยนและนุ่มนวล
เราสงบมากเท่าไหร่ อาการดิ้นรนอันตึงเครียดที่หมักหมมไว้ค่อยสลาย อาการผ่อนคลายปรากฏ ขยะแห่งความคิดเลือนจางไป ความสงบ
ก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นจนตัวตนของเราหายไป มันยืนยันคำกล่าวของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ความสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี”
ง่ายแค่นี้เอง! แต่กว่าเราจะรู้ว่าความสุขที่แท้เป็นอย่างไร เราก็ล้างผลาญเวลาและชีวิตไปเกือบหมดแล้ว
บางคนก็ตายไปโดยไม่เคยรู้ว่าความสุขที่แท้เป็นอย่างไร!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี