ช่วงฮาโลวีนแบบนี้อ่านเรื่องผีกันดีกว่า มองการเมืองทั้งไทยทั้งอเมริกาต่างสยองขวัญไม่แพ้กัน ขอวางเรื่องปวดหัวสักพัก แล้วเล่าเรื่องผีรับเทศกาลอย่างเรื่องศพใครในผนังบ้าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในปี ค.ศ. 1904 ที่เมืองเล็กๆ ชื่อว่าเมืองไฮด์สวิลล์ วันนั้นเด็กทั้งชายหญิง 4-5 คน เข้าไปวิ่งเล่นในบ้านร้างหลังหนึ่ง ร่ำลือกันว่าเป็นบ้านผีสิง แถมชาวบ้านยังเล่าแบบปากต่อปากว่าสุดเฮี้ยน ผนังเก่าแก่ของบ้านร้างหลังนั้นถล่มทับร่างเด็กชายคนหนึ่งครึ่งตัว ชาวบ้านจึงช่วยกันขุดผนังที่พังทับตัวเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัย
แต่เบื้องหลังผนังที่พังทลายนั้นประหลาดมาก ผนังที่คิดว่าเป็นของจริงกลับเป็นผนังปลอม ระหว่างผนังปลอมกับผนังจริงมีร่องรอยแสดงว่าเปิดออกได้ เมื่อลองดึงแผ่นกระดานเก่าขึ้นกลับพบอุโมงค์ข้างใต้ซ่อนอย่างแนบเนียน ในนั้นมีโครงกระดูกเโครงหนึ่ง
โครงกระดูกที่พบปราศจากหัว สันนิษฐานว่าเจ้าของร่างนี้น่าจะถูกตัดคอขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตายแล้วจึงถูกตัดคอทีหลัง ยิ่งทำให้ตำนานบ้านผีสิงหลังนี้ทวีความน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยความลึกลับและฆาตกรรมอำพราง
ย้อนไปเมื่อปีค.ศ. 1848 บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อบอุ่นน่าอยู่หลังหนึ่งในย่านนั้นเลยทีเดียว ต่อมาความหายนะเกิดขึ้นเมื่อตระกูลฟ็อกซ์หนึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เช่น เครื่องเรือนขยับเขยื้อนเองได้ บางครั้งนอนอยู่บนเตียง เตียงสั่นโครมครามเหมือนมีคนแกล้งโยกเล่น นอกจากการเคลื่อนไหวแบบไม่มีที่มาที่ไปของเครื่องใช้ในบ้านแล้ว ทุกคนแทบประสาทเสียเพราะได้ยินเสียงแปลกๆ ทุกวันนั่นคือเสียงเคาะผนังห้อง
คืนหนึ่งทุกคนในครอบครัวกำลังหลับสนิท ทันใดนั้นได้ยินเสียงเคาะดังขึ้นกลางดึก เด็กหญิงวัย 6 ขวบ บุตรสาวของนายและนางฟ็อกซ์ จึงตบมือขึ้น 3-4 ครั้ง และร้องบอกให้เจ้าของเสียงเคาะนั้นทำตามเธอ แล้วทุกคนต่างตกตะลึง เมื่อเสียงตบมือดังขึ้นตามคำชักชวนของหนูน้อย ครอบครัวฟ็อกซ์ตั้งคำถามต่าง ๆ และได้คำตอบทั้งสิ้น ผลของการสนทนากับวิญญาณลึกลับด้วยวิธีการแปลกประหลาดนั้นได้ความว่า…
วิญญาณที่เคาะผนังเป็นชายอายุ 33 ปีที่ถูกฆาตกรรมในบ้านนี้ วิญญาณบอกรายละเอียดว่า ตนเองถูกฆ่าในห้องนอนโดยการใช้มีดแล่เนื้อหั่นคอเพื่อขโมยเงิน 500 เหรียญ แล้วนำศพไปซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน จอห์น ฟ็อกซ์ขุดค้นทุกตารางนิ้วรอบบ้าน เจอกะโหลก ซึ่งนายแพทย์ยืนยันว่าเป็นหัวมนุษย์แน่นอน แต่ไม่เจอโครงกระดูกแต่อย่างใด
ลูเครเชีย พุลเวอร์ เคยเป็นสาวใช้ในบ้านหลังนี้ โดยรับใช้ครอบครัวเบลล์ ก่อนหน้าที่ครอบครัวฟ็อกซ์จะมาอยู่ราว 5 ปี เธอเล่าว่าขณะที่อยู่กับครอบครัวเบลล์ วันหนึ่งมีพ่อค้าเร่เดินทางมาขายของที่บ้านนี้ และในฐานะญาติห่างๆ ของมิสซิสเบลล์ พ่อค้าเร่วัยประมาณ 30 ปีพักอาศัยอยู่ในบ้าน แต่ที่น่าแปลกใจคือ ทั้งที่มีแขกมาพักที่บ้าน แต่คุณนายเบลล์สั่งให้สาวใช้ทุกคนลาหยุด วันรุ่งขี้นพ่อค้าหายไปอย่างลึกลับ เมื่อถามคุณนายเบลล์ เธอกลับบอกว่าพ่อค้าออกเดินทางไปแล้ว
ความที่เธอเป็นคนช่างสังเกตจึงเห็นร่องรอยแปลกๆ เห็นข้าวของใหม่ๆ ซึ่งจำได้ว่าเป็นของพ่อค้าเร่อยู่ในบ้านหลายชิ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าครอบครัวเบลล์ซึ่งมีฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนักจะซื้อของจากพ่อค้าเร่มากมายเช่นนี้ ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกเรื่องหนึ่งคือลูเครเชียเดินเข้าห้องใต้ดิน เท้าข้างหนึ่งพลาดทะลุช่องโหว่พื้น แปลกที่คุณนายรีบปิดปากโพรงทันที หลังจากนั้นทั้งบ้านก็หวาดผวากับเสียงเคาะประหลาดและวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ไปมาเองบ่อยครั้ง จนครอบครัวเบลล์ทนไม่ได้ ต้องอพยพออกไปอยู่ที่อื่น
ผู้เช่าคนต่อมาชื่อราล์ฟ ซึ่งอยู่ได้ไม่นานเช่นกัน ผุ้เช่ารายนี้บอกกับลูเครเชียว่าได้ยินเสียงเคาะรบกวนทุกวัน มิหนำซ้ำยังเห็น “ผี” อีกต่างหาก ลักษณะของ “ผี” ที่ราล์ฟบรรยายให้ฟังนั้นมีลักษณะเหมือนพ่อค้าเร่ที่ลูเครเชียเคยพบทุกประการ หลังจากที่ครอบครัวราฟท์ทนผีหลอกไม่ได้ ครอบครัวฟ็อกซ์ก็มาอยู่แทน จนเกิดเรื่องราวดังกล่าว
ตากคำบอกเล่าของลูเครเชียทำให้ชาวบ้านจับตาดูนายเบลล์ด้วยความสงสัย แต่ไม่มีสามารถนำตัวมาลงโทษได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐาน เรื่องนี้จึงเงียบไป ต่อจากครอบครัวจอห์น ฟ็อกซ์ แล้วก็ไม่มีใครเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นเลย
บ้านหลังนั้นจึงถูกทิ้งร้างมานานร่วม 50 ปี จนเด็กกลุ่มหนึ่งเข้าไปเล่นซนทำผนังพัง ทำให้เรื่องราวในอดีตเผยตัวออกมา แต่ยังคงมีผู้คนสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับพ่อค้าเร่ผู้หายสาบสูญคนนั้น และศพอันปราศจากศีรษะในผนังคือใคร..
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี