นักรบอิสลามคนแรกที่หยิบยื่นความหายนะให้แก่อินเดียก็คือ มูฮัมหมัด อิบน์ คาซิม(MUHAMMAD IBN QASIM)
ในราวปี 708-711 คาซิม นำทัพบุกเข้ามาในดินแดนที่เรียกว่า สินธุ ซึ่งปัจจุบันนี้คือปากีสถาน ตามคำสั่งของ อัล ฮัจจาจ ผู้ว่าการแห่งอิรัก ซึ่งขึ้นต่อคาลิปอูมายยัด แห่ง ดามัสกัส ซีเรีย
(แผนที่ที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ(INDUS) ปากีสถานอยู่ทางซ้าย อัฟกานิสถาน และ จีนอยู่ด้านบน อินเดียอยู่ทางด้านใต้ ถัดขึ้นไปก็คือ เนปาล)
คาซิม จับทั้งชายและหญิงจำนวนมากไปเป็นเชลย และ ขนเอาทรัพย์สมบัติที่ปล้นสดมภ์ได้กลับไป แต่ก็ยังถือว่า เขามีความเมตตาต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะเขายังยอมให้ชาวฮินดู พุทธ และ เชน สามารถปฎิบัติกิจทางศาสนาได้ตราบเท่าที่ยังจ่ายภาษีให้แก่ท่านคาลิป
ก่อนหน้านั้น มุสลิมจะไม่ทำร้ายชาวยิว และ ชาวคริสต์เท่านั้น เพราะถือว่า เป็นบุคคลในพระคัมภีร์(PEOPLE OF THE BOOK) เหมือนกัน เนื่องจากทั้งสามศาสนาต่างมีกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกันคือ อับบราฮัม
แต่ชาวอินเดียโชคดีแบบนี้ได้ไม่นาน เพราะนักรบมุสลิมรายต่อไปไม่ใจดีขนาดนั้น
(มาห์มุด แห่ง กาซนี่ย์)
ในราวปี 1000 หรือร้อยกว่าปีหลังจากที่คาซิมบุกเข้ามาในแคว้นสินธุ สุลต่าน มาห์มุด แห่ง กาซนี่ย์ ซึ่งพื้นเพของครอบครัวมาจากเปอร์เชีย แต่เขาเกิดที่เมืองกาซนีย์ ในอัฟกานิสถาน ทำให้ได้ชื่อว่า มาห์มุด แห่ง กาซนี่ย์ เขาได้ขยายอำนาจออกไปจนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่ประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน
(อาณาจักรกาซนาวิด ของ มาห์มุด แห่ง กาซนี่ย์ที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเข้ามาถึงปากีสถาน-ภาพจากวิกิพีเดีย)
ปี 1001 เขานำกองทัพรุกรานเข้ามาในแค้วนปัญจาบ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือ ปากีสถาน และ ทำสงครามกับ กษัตริย์ชาห์ฮิ จาก ราชวงศ์ จายาปะลา(JAYAPALA DYNASTY)
ในขณะที่สงครามที่เมืองเปชะวาร์ กำลังอยู่ในจุดเข้าได้เข้าเข็ม นายพลคนหนึ่งของ จายาปะลา ก็ทรยศ แอบหันไปช่วยมาห์มุด จนมาห์มุดสามารถมีชัยชนะเหนือจายาปะลา กษัตริย์ชาห์ฮี ต้องฆ่าตัวตายในกองเพลิงเพื่อรักษาเกียรติของตัวเอง
หลังจากนั้น มาห์มุด ก็ทำสงครามยึดดินแดนต่างๆทางตอนเหนือของอินเดีย ปล้นสดมภ์เอาทรัพย์สินจำนวนมาก รวมทั้งบรรดาทาสชายหญิงนำกลับไปกาซนี่ย์ แล้วแต่งตั้งผู้ปกครองประเทศราชซึ่งเป็นชาวฮินดูให้ทำการปกครองดินแดนในนามของเขา
มาห์มุด ตื่นเต้นที่ได้เห็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ของอินเดีย ซึ่งผิดกันกับแผ่นดินที่เขาถือกำเนิดที่มีแต่ความแห้งแล้งกันดาร ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก
มาห์มุด จึงตั้งปณิธานว่า จะยกทัพกลับมาอินเดียอีก
และมิใช่เพียงครั้งเดียว แต่มาห์มุดได้ยกทัพมาปล้มสดมภ์จากแผ่นดินอินเดียมากถึง 17 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 27 ปี คือตั้งแต่ปี 1001 ถึง 1028
นอกเหนือจากการปล้นชาวบ้านชาวเมืองแล้ว สิ่งที่ยังตราตรึงในประวัติศาสตร์ของอินเดียก็คือ การปล้นวิหารโสมนาถ ที่อยู่ในรัฐกุจราฐ ในปี 1025
วิหารโสมนาถ เป็นสถานที่สะสมความมั่งคั่งของดินแดนแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ และ อัญมณีต่างๆ
(วิหารโสมนาถ ในหลายยุคหลายสมัย-ภาพจากวิกิพีเดีย)
โสมนาถ เป็นวิหารที่สร้างถวายแด่พระศิวะ เป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย ดังนั้น จึงมีผู้ศรัทธาเดินทางมาแสวงบุญกันอย่างเนื่องแน่น เมื่อนักแสวงบุญมาถึงที่นี่ ก็มักจะถวายสิ่งของต่างๆให้แก่วิหาร ทั้งข้าวของเงินทอง ทองคำและอัญมณี
จึงทำให้ วิหารโสมนาถ มีความมั่งคั่งร่ำรวยประมาณท้องพระคลังของแผ่นดินไปโดยปริยาย
(วิหารโสมนาถ ในปัจจุบัน หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมานาน-ภาพจากวิกิพีเดีย)
นอกจากปล้นทรัพย์สมบัติจากวิหารไปแล้ว มาห์มุด ยังทำลายรูปเคารพของพระศิวะที่เป็นศิวลึงก์(JYOTIRLINGA) และ ถอดเอาประตูวิหารโสมนาถ ที่สวยงามมากกลับไปทำเป็นประตูสุสานของตัวเอง
หลังจากมาห์มุด ยกทัพกลับไป ชาวฮินดูก็เริ่มสร้างวิหารโสมนาถขึ้นมาใหม่ให้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม เหมือนกับจะรอให้มาห์มุด กลับมาปล้นอีกครั้ง
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี