แม้ว่าการล่าแม่มดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายศตวรรษในยุโรปแต่ใครจะคิดว่าครั้งหนึ่งในอเมริกามีการล่าแม่มดเช่นกันเมื่อชาวคริสต์นิกายโปเตสแตนท์จากยุโรปอพยพมาสร้างบ้านเมืองใหม่ในอเมริกาคือสาเหตุของ “ล่าแม่มด” โดยเกิดขึ้นที่ซาเล็ม ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในรัฐแมสซาซูเซตต์
เสียงกรีดร้องโหยหวนแหวกอากาศหนาวเหน็บเช้าวันที่ 20 มกราคม ค.ศ 1692 ของอลิซาเบธ แพร์ริสวัย 9 ขวบ บุตรสาวของซามูเอล แพร์ริสนายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านซาเล็ม และอบิเกล วิลเลี่ยมหลานสาววัย 12 ขวบสั่นสะเทือนเข้าไปในหัวใจทุกคนในซาเล็มสิ้นเสียงกรีดร้องทั้งคู่ก็ล้มลงชักดิ้นชักงอหน้าตาบิดเบี้ยวถ่มคำพูดหยาบคายดูหมิ่นพระเจ้าไม่หยุดปาก
แพทย์ประจำหมู่บ้านถูกเรียกตัวมาด่วน เมื่อไม่พบสาเหตุใดๆที่ทำให้เกิดโรคประหลาดจึงทำให้สันนิษฐานว่าอาการป่วยดังกล่าวไม่ได้มีสาเหตุมาจากการป่วยทางการแพทย์ หากแต่เชื่อว่าเป็นผลงานของซาตานซึ่งนั่นหมายความว่าในหมู่บ้านมีแม่มดเข้ามาสิงสู่จากจุดนั้นขายผลกลายเป็นการล่าแม่มดในที่สุด
การล่าแม่มดจึงยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นพร้อมกับคำสารภาพอย่างไม่ขาดสายจากชาวเมืองเหตุการณ์เริ่มบานปลายเพราะมีการกล่าวหากันไปมาโดยเฉพาะคนที่ตนไม่ชอบหน้าเริ่มสร้างความหวาดระแวงไปทั่วหมู่บ้าน
บริดเจตต์ บิชอป คือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายแรกที่ถูกประกาศว่ามีความผิดฐานเป็นแม่มดและถูกแขวนคอภายใต้กระบวนการทางศาลเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน คศ.1692
รีเบคกา เนอร์ส, ซูซานนาห์ มาร์ติน, ซาราห์ กู๊ด และ อลิซาเบธ ฮาร์ คือกลุ่มที่ตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอต่อมาจากบริดเจตต์ บิชอป จากนั้นก็ถึงฆาตของจอร์จ จาค็อบส์ ซีเนียร์ มาร์ธา แคร์เรียม จอร์จ เบอร์โรห์ จอห์น และอลิซาเบธ พร็อคเตอร์ รวมทั้งจอห์น วิลลาร์ด
ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1692 ไกล์ คอเรย์ ซึ่งเป็นชาวนาถูกลงโทษด้วยการเอาก้อนหินทับจนตายขณะเจ้าหน้าที่หย่อนก้อนหินทับลงบนอกทีละก้อนๆ เพื่อให้สารภาพนั้นไกล์ คอเรย์ ท้าทายให้เอาก้อนหินมาเพิ่มอีกสุดท้ายสิ้นใจในระหว่างสอบสวน ต่อมาในวันที่ 22 กันยายนปีเดียวกันมาร์ธา คอเรย์ ภรรยาของ ไกล์ คอเรย์ ถูกแขวนคอตามสามีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนมีทั้งหมด20 คน
ชาวเมืองกว่า 150 คนถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด 4 คนตายในคุกรวมกับเด็กทารกอีก 1 คน ถูกประหารโดยการแขวนคอทั้งสิ้น19 คน อีก 1 คนถูกทับด้วยก้อนหินจนตาย และสุนัข 2 ตัวถูกแขวนคอด้วยโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นข้ารับใช้แม่มด
ปัจจุบันหมู่บ้านซาเล็มกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการล่าแม่มดอันโด่งดังในประวัติศาสตร์
นอกเหนือจากมิติทางด้านประวัติศาสตร์แล้วซาเล็มยังขึ้นชื่อเรื่องคำสาปและวิญญาณที่วนเวียนอยู่ในหมู่บ้านด้วยเชื่อกันว่าวิญญาณของผู้วายชนม์กลายเป็นวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นแสนสาหัสสถานที่นี้จึงกลายเป็นอีกแห่งหนึ่งที่บรรดานักพิสูจน์วิญญาณและสิ่งลี้ลับแห่ไปพิสูจน์ความมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติที่ยังหลอกหลอนทุกผู้ที่แวะมาเยือน
แม้กาลเวลาผ่านมาหลายร้อยปีแล้วก็ตามแต่ในปัจจุบันซาเล็มยังอวลร่ำไปด้วยอาถรรพ์ที่ล่องลอยอยู่ในทุกอณูอากาศ ชาวเมืองเชื่อว่าวิญญาณเหล่านี้ยังวนเวียนอยู่ที่เดิมที่น่าแปลกคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ซาราห์ กู๊ดกล่าวแก่บาทหลวงก่อนถูกแขวนคอคือพระเจ้าจะรินเลือดให้ท่านดื่มแทนน้ำ ได้กลายเป็นจริงขึ้นมาเพราะ 25ปีให้หลังบาดหลวงคนนั้นป่วยด้วยโรคเส้นเลือดแตกจนสำลักเลือดในปอดและลำคอ
จากหลักฐานที่บันทึกไว้ทำให้ซาเล็มกลายเป็นหมู่บ้านสยองต้องคำสาปอย่างแท้จริง แม้จะปิดตำนานการล่าแม่มดไปแล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อนแต่หลายคนเชื่อว่าวิญญาณอาฆาตและคำสาปแม่มดยังคงล่องลอยอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อไป
ทุกพื้นที่ในซาเล็มมีคณะท้าพิสูจน์ไปดักจับคลื่นวิญญาณพร้อมเครื่องมือวิทยาศาสตร์อยู่ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงคืนฮาโลวีนสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องวิญญาณและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติอันหาคำอธิบายไม่ได้ ขอแนะนำให้ไปซาเล็ม รับประกันว่าขนหัวลุกกลับบ้านแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี