คำร่ำลือเรื่องความมั่งคังของอินเดีย ว่าเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แพร่กระจายออกไปสู่ดินแดนทางด้านตะวันตกของอินเดีย เรื่อยไปจนถึงตะวันออกกลาง จากปากคำพ่อค้าชาวอาหรับที่เข้ามาค้าขายกับชาวอินเดียโดยทางเรือมาขึ้นฝั่งที่ชายทะเลด้านตะวันตก บริเวณรัฐเคราลาในปัจจุบัน
จนมีคำพูดเปรียบเปรยว่า
“อินเดีย เปรียบเสมือนห่านทองคำ” ที่ใครๆก็สามารถมารีดเอาไข่ทองคำออกไปได้โดยไม่มีวันหมด
มาห์มุด ไม่เพียงแต่ปล้นทรัพย์สมบัติจากอินเดียไปเท่านั้น แต่ได้กวาดต้อนผู้คนจำนวนมหาศาลกลับไปเป็นทาส
(สงครามของจายาปะละ กับ มาห์มุด ที่โชคไม่เข้าข้างกษัตริย์จายาปะละ เพราะประสบกับพายุหิมะที่คาดไม่ถึง - ภาพจากวิกิพีเดีย)
บันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่า หลังจากมาห์มุด ทำสงครามแห่งเปชะวาร์ ในปี 1001ได้ชัยชนะเหนือกษัตริย์ชาห์ฮี แห่ง จายาปะละ(JAYAPALA) มาห์มุดได้กวาดต้อนชาวฮินดูที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาอิสลามกลับไปกว่า 100,000 คน
เชลยที่ถูกกวาดต้อนไปนี้ จะถูกขายเป็นทาสไปยังประเทศต่างๆ ไกลจนถึงกรุงไคโร อียิปต์
ดังนั้น ในประชากรในประเทศต่างๆเหล่านี้ จึงมีบรรพบุรุษเป็นชาวฮินโดสถาน หรืออินเดีย
(กษัตริย์ จายาปะละ ซึ่งเป็นชาวฮินดู- ภาพจากวิกิพีเดีย)
บนเส้นทางกลับ มาห์มุดจะต้องข้ามเทือกเขาหิมาลัยเพื่อไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นประเทศอัฟกานิสถาน เป็นเส้นทางที่โหดมากๆ เพราะทั้งความสูงของภูเขาที่สูงประมาณ 7700 เมตร อากาศที่เบาบาง และ หนาวเหน็บราวกับมีดเฉือนเข้าไปในกระดูก ทำให้เชลยจำนวนมากเสียชีวิต
เส้นทางนี้ถูกเรียกขานในเวลาต่อมาว่า “ฮินดูคุช” (HINDU KUSH) ซึ่งแปลว่า ผู้สังหารชาวฮินดู
(เทือกเขา ฮินดูคุช ที่กั้นพรมแดนระหว่างอินเดีย(ในอดีต) และ อัฟกานิสถาน- ภาพจากวิกิพีเดีย)
แต่สิ่งที่นักรบชาวมุสลิมได้ทิ้งมรดกบาปเอาไว้ในแผ่นดินภารตะ และกลายมาเป็นรากเหง้าแห่งปัญหาและความแตกแยกในแผ่นดินอินเดียมาจนทุกวันนี้ก็คือ
ศาสนาอิสลาม
นักรบมุสลิมบังคับให้ชาวฮินดูเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม หากไม่ยอมก็จะถูกสังหาร หรือจับไปเป็นเชลย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนศาสนาครั้งใหญ่ในอินเดีย
ก่อนหน้าที่ศาสนาอิสลามจะเผยแพร่เข้ามา อินเดียมีเพียงศาสนาฮินดูเป็นศาสนาหลัก จนเรียกแผ่นดินนี้ว่า ฮินดูสถาน นอกจากนั้น ก็มีศาสนาเชน ศาสนาพุทธ และ ศาสนาซิกห์ ฯลฯ
แต่คนต่างศาสนาเหล่านี้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบ เพราะเขาถือว่า มาจากรากเดียวกัน คือ ฮินดู
ขณะเดียวกัน ชาวเปอร์เชี่ยนที่นับถือศาสนาโซโรแอสเทรียนก็เริ่มอพยพออกจากเปอร์เชียตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เพราะไม่อาจทนต่อการบังคับ กดขี่ของชาวมุสลิมได้ ชาวเปอร์เชี่ยนเหล่านี้อพยพเข้ามาสู่อินเดียโดยทางเรือเป็นหลัก และมาขึ้นฝั่งที่บริเวณรัฐกุจราฐ และ เมืองมุมไบ
ชาวเปอร์เชี่ยน หรือ ชาวฟาร์ซี เป็นนักคิดคำนวณที่มีสมองปราดเปรื่อง มีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่อินเดียเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลตาต้า ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน
ชาวฟาร์ซี สามารถอยู่ร่วมกับคนพื้นถิ่นเดิม คือ ชาวฮินดู พุทธ ซิกห์ และ เชน ได้อย่างกลมกลืน เสมือนเครือญาติ แม้จนกระทั่งทุกวันนี้
เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์กับชาวมุสลิม พบกับคำตอบในสัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี