ในยุคที่กระแสสังคมนิยม (คอมมิวนิสต์) ในประเทศไทยกำลังเชี่ยวกรากเหมือนกระแสน้ำหลาก ตั้งแต่ปี 2516-2519-2523 ก็มีนักวิชาการสังคมนิยมวิเคราะห์โครงสร้างสังคมไทยไว้ 2-3 แบบ
คำว่า “โครงสร้าง” ของสังคมใดๆ ก็เหมือนกับบ้านที่ต้องมีโครงสร้าง คือ เสาเข็มเสา คาน จันทัน แป ที่เป็นวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ ปูน และเหล็ก แต่การวิเคราะห์นั้นก็เหมือนคนยืนมองบ้านของคนอื่น แล้วพยายามจะมองให้เห็นว่าบ้านหลังนั้นประกอบด้วยวัสดุอะไรบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะเห็นหรือคาดว่าประกอบด้วยวัสดุอะไร
โครงสร้างสังคมไทยที่นักวิชาการสังคมนิยมวิเคราะห์กันเท่าที่ผมจำได้ มีดังนี้
แบบแรก เป็นสังคมกึ่งทุนกึ่งศักดินา
แบบที่ 2 คือกึ่งศักดินากึ่งเมืองขึ้น
แบบ 3 กึ่งทุนกึ่งเมืองขึ้น
ก็วนอยู่แค่ 3 กึ่งศักดินา กึ่งทุนนิยม กึ่งเมืองขึ้นเท่านั้น
“ศักดินา” หมายถึง พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีอำนาจ-บารมีในสังคมไทย ไม่ได้หมายถึงการใช้จำนวนที่นาเป็นสัญลักษณ์ของบรรดาศักดิ์และตำแหน่งอีกต่อไป
“เมืองขึ้น” หมายถึง อยู่ภายใต้ประเทศมหาอำนาจตะวันตกหรือจักรวรรดินิยมอย่างสหรัฐอเมริกา
“ทุน” ก็คือ ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
“กึ่ง” ก็คือ ครึ่ง
โครงสร้างสังคมไทยจึงเป็นลูกครึ่ง! แต่การวิเคราะห์นี้ก็ยังไม่ได้สรุปมาจนวันนี้ หรือสรุปกันไปแล้วแต่ผมไม่ทราบ
ทำไมต้องวิเคราะห์โครงสร้างสังคมไทย?
เพราะลัทธิสังคมนิยมเชื่อว่าถ้าวิเคราะห์โครงสร้างสังคมถูกต้อง การปฏิวัติและการแก้ไขปัญหาในประเทศก็ตรงเป้า แต่ความจริงก็คือ ไม่ว่าโครงสร้างสังคมไทยจะเป็นแบบไหน ประกอบด้วยอะไร สรุปได้หรือไม่ได้ พวกนักสังคมนิยมก็ต้องการปฏิวัติอยู่แล้ว
เมื่อพวกเขาหาเรื่องจะปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงสังคมไทยก็จะพูดกันอย่างอวดรู้ว่า “สังคมไทยมีปัญหานั้นเพราะโครงสร้างสังคมไทย” หรือพูดกันสั้นๆ ว่า“โครงสร้าง”
คนที่พูดแบบนี้ล่าสุดก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธรก็เหมือนพวกนักสังคมนิยมอื่นๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ชอบพูดคำโตแต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าโครงสร้างสังคมไทยเป็นอย่างไร ประกอบด้วยอะไร เขารู้ตามที่ลัทธิมาร์กซ์สอน (อีกชื่อหนึ่งของลัทธิสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์) ว่าระบบทุนนิยมชั่วร้าย เพราะกินส่วนเกิน(เหมือนกำไร)จากกรรมกร พวกเขามักใช้คำว่า กินแรง กดขี่ ขูดรีด แทนคำว่า ส่วนเกิน เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจ
ส่วนระบอบกษัตริย์ก็ชั่วร้าย กดขี่ประชาชน
ทั้งระบบทุนนิยมและระบอบกษัตริย์ล้วนเป็นเหตุให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้น คือชนชนชั้นผู้กดขี่กับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ จึงเป็นแหล่งกำเนิดของความอยุติธรรมและความชั่วร้ายทั้งปวงในสังคมมนุษย์!
ต้องกำจัดให้สิ้น จึงจะสร้างสังคมใหม่ที่มีความยุติธรรมมีความเท่าเทียมได้
ธนาธรไม่พูดถึงระบบทุนนิยมว่า “มีปัญหา” อย่างที่ลัทธิมาร์กซ์สอนอีกแล้ว เพราะครอบครัวของเขาเป็นนายทุนระดับชาติที่ใหญ่มาก เขาจึงมีเป้าหมายอยู่ที่สถาบันกษัตริย์เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้เป็น “ระบอบศักดินา” อีกแล้ว เพราะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนับแต่คณะราษฎรปฏิวัติ
ในสายตาของธนาธรว่ามีแต่สถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่เป็นโครงสร้างของสังคมไทยและสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ
เขาจึงต้อง “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย”ให้สลายไปจากสังคมไทย เพื่อจะได้สถาปนาระบอบการเมือง-การปกครองใหม่ ที่มีเขาเป็นเบอร์หนึ่งเช่นเดียวกับ สี จิ้นผิง ดังที่มารดาของเขาเคยประกาศไว้!
ไม่ว่าธนาธรหรือนักสังคมนิยมคนใด ก็ล้วนวางท่าเป็นศาสดาหรือผู้นำทางจิตวิญญาณของลิ่วล้อ แต่กลับคิดถึงแต่เรื่องอำนาจและผลประโยชน์ของตนพวกเขาจึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากากเดนของมาร์กซิสต์
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี