ผมจะขอรวบรัดประวัติศาสตร์การเข้ามาของมุสลิมสู่อินเดียให้สั้นลง ท่านผู้อ่านจะได้ไม่เบื่อครับ
นักรบมุสลิม บุกเข้ามาในอินเดีย และ ปกครองอินเดียทั้งทางตรงและทางอ้อม เริ่มจากระบบสุลต่านแห่งเดลี ที่ปกครองอยู่นาน 320 ปี ตั้งแต่ปี 1206-1526 ต่อมาก็เป็นราชวงศ์โมกุล ที่ปกครองนาน 331 ปีตั้งแต่ปี 1526 ถึง 1857
(บาเบอร์ ผู้สถาปนาราชวงศ์โมกุลแห่งอินเดีย-ภาพจากวิกิพีเดีย)
(รายละเอียดของทั้งสองราชวงศ์ ผมจะเขียนถึงในโอกาสต่อไปครับ หากท่านผู้อ่านสนใจ)
จนเปลี่ยนมือตกไปเป็นของอังกฤษในที่สุด
ทั้งระบบสุลต่านแห่งเดลี และ ราชวงศ์โมกุล ล้วนเป็นชาวมุสลิม แตกต่างกันเฉพาะเรื่องเผ่าพันธุ์ ที่ไม่ใช่พวกอาหรับโดยตรง แต่เป็นพวกมองโกล เปอร์เชีย เติร์ก อัฟกานิสถาน และ อุซเบกิสถาน เป็นต้น
(ป้อมปราการอักรา ที่เมืองอักรา ศูนย์กลางแห่งอำนาจของราชวงศ์โมกุลในช่วงเวลาหนึ่ง-ภาพจากวิกิพีเดีย)
โดยศูนย์กลางแห่งอำนาจของสุลต่าน และ ราชวงศ์โมกุล จะอยู่ในที่กรุงเดลี และ เมืองอะกรา(AGRA)ทางเหนือเป็นหลัก ทำให้ชาวฮินดูผู้มีความรู้ ความคิด และ ความสามารถที่ไม่อาจทำใจทนต่อระบบการปกครองแบบใช้กฎหมายศาสนาที่เรียกว่า “กฎหมายชาเรีย” และ การกดขี่ของผู้ปกครองมุสลิมได้ จึงย้ายถิ่นที่อยู่ออกไปให้ห่างจากศูนย์อำนาจจากเดลี และ อักราไปอยู่ที่อื่น เช่นที่ กอลกัตตา เป็นต้น
(เซอร์ โธมัส โร กับ จักรพรรดิ จาฮังกีร์ แห่งโมกุล- ภาพจากวิกิพีเดีย)
เมื่ออังกฤษส่ง โธมัส โรว์ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ เข้ามายังอินเดียเพื่อขออนุญาตทำการค้าเป็นครั้งแรกในนามของบริษัท อีสต์ อินเดีย ในปี 1616 ตรงกับยุคของจักรพรรดิจาฮังกีร์ ของราชวงศ์โมกุล
ว่ากันว่า โรว์ กลายเป็นคนโปรดของจาฮังกีร์อย่างรวดเร็ว ทั้งสองจะดื่มไวน์กันอย่างสนุกสนานแทบทุกวัน
จากวันนั้นเป็นต้นมา บทบาทของสองประเทศมหาอำนาจทางทะเลคือ ดัตช์ และ โปรตุเกส ที่เข้ามาค้าขายที่อินเดียก่อนอังกฤษก็ค่อยๆลดบทบาทลงไปจนแทบจะหมด
ท่านผู้อ่านอาจไม่ทราบว่า ประเทศอังกฤษในวันนั้นอยู่ในสภาพที่ยากจนมาก คนส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขัดสนจนแทบจะไม่มีอะไรจะกิน เพราะประเทศเพิ่งจะผ่าน “สงครามร้อยปี” กับฝรั่งเศสมา ประชาชนส่วนใหญ่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
แตกต่างจากประเทศอินเดียที่มีความอุดมสมบูรณ์ ภูมิประเทศ และ ภูมิอากาศเหมาะสมกับการเพาะปลูก อีกทั้งทรัพยากรธรรมชาติทั้งใต้ดินและบนดินก็มีมากมายเหลือเฝือ
โดยรวมก็คือ อินเดียมีความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์กว่าอังกฤษมากนัก
นี่คือเหตุผลที่อังกฤษไม่ยอมปล่อยมือจากอินเดียเป็นเวลาหลายร้อยปี
(พระราชวัง ฟาห์เตปูร์ สิครี ที่สร้างโดยจักรพรรดิ อัคบาร์ แห่งโมกุล - ภาพจากวิกิพีเดีย)
บันทึกระบุว่า เมืองอักรา และ เมืองฟาเตห์ปู สิครี ในยุคนั้น มีความยิ่งใหญ่ทั้งขนาด และ ความอลังการ์มากกว่ากรุงลอนดอนด้วยซ้ำ
ความรู้สึกของชาวฮินดูที่มีต่อผู้ปกครองชาวมุสลิม เป็นบาดแผลที่ลึกซึ้งจนยากจะเยียวยา ด้วยเหตุนี้ เมื่ออังกฤษใช้อำนาจทางทหารที่เหนือกว่าเข้ากดขี่ข่มเหง และ แทรกแซงอำนาจของราชวงศ์โมกุล คนอินเดียส่วนใหญ่ที่เป็นชาวฮินดูจึงไม่คิดจะช่วยราชวงศ์โมกุลแต่อย่างใด
คนจำนวนมากคิดว่า ก็ให้พวกมุสลิมไปช่วยกันเองแล้วกัน
ความรู้สึกของความเป็นชาติแบบหนึ่งเดียวของชาวอินเดียในขณะนั้นยังไม่มี ต่างก็คิดแต่จะเอาตัวรอด
แม้กระทั่งเมื่อทหารอังกฤษกดขี่ข่มเหงชาวอินเดียในยุคบริติช ราช ทั้งทุบตีทำร้าย และ สังหารด้วยอาวุธปืน ชาวอินเดียก็ได้แต่มองดูห่างๆ ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจของอังกฤษก็ร่วมมือกันทำร้ายชาวอินเดียด้วยกันเองด้วยซ้ำ
ผิดกันกับชาวจีน เมื่อเทียบกับกรณีความขัดแย้งกับญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
สำหรับท่านที่สนใจจะเดินทางเจาะลึกอียิปต์ กับผม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ เหลือเวลาก่อนที่เราจะปิดกรุ๊ปเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น เราไม่ใช้เอกสารใดๆในการทำวีซ่า สนใจติดต่อ โทร 088 5786666 หรือ LINE ID -14092498
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี