ภาพที่ถ่ายและนำมาประกอบในคอลัมน์นี้ เป็นภาพของโต๊ะตัวหนึ่งในโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่ใกล้สำนักงานของผม ซึ่งผมต้องเดินผ่านเป็นประจำโต๊ะตัวนี้ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ใกล้แกรนด์เปียโน ด้านหลังจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์ บนโต๊ะวางไว้ด้วยขวดวิสกี้, แชมเปญและไวน์ราคาแพง
ปกติการจัดดิสเพลย์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นการดึงดูดลูกค้าเงินหนาที่อยากจะเปิดสักขวด เพื่อชิมหรือเพื่อโชว์ก็แล้วแต่ความปรารถนา แต่ที่สะดุดใจผม
คือ การนำโซ่คริสตัลใสๆ มาร้อยขวดต่างๆ เอาไว้ คงไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างเดียว
ผมเดาเอาว่า เป้าหมายจริงๆ น่าจะเป็นการป้องกันถูกฉกฉวยหรือขโมย เนื่องจากโต๊ะวางขวดเครื่องดื่มนี้อยู่ในที่โล่ง และมีแขกของโรงแรมหมุนเวียนอยู่ตลอดวัน แต่การนำโซ่คริสตัลมาร้อยไว้ก็ช่วยให้ดูสวยงาม ยังไงก็ดีกว่าเอาโซ่เหล็กมาร้อยไว้
แน่นอนว่า ลูกค้าของโรงแรมห้าดาวจะต้องเป็นผู้มีฐานะดีระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ การจ่ายเงินเปิดเหล้าไวน์พวกนี้สักขวดไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในโลกของความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป
ในหนังสือ “ตามนั้น” รวมเรื่องเล่าและความเรียงเล่มหลังสุดของผม ในบทชื่อว่า “Guilty Pleasure” ตอนหนึ่งผมเขียนไว้ว่า “ความพึงพอใจที่ได้มาจากการทำผิดไม่ได้มีแต่เรื่องการดื่มเหล้า, สูบบุหรี่ หรือชู้สาวมีมากมายหลายกรณี บางคนหาวิธีที่จะละเมิดกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อเติมความตื่นเต้นให้ชีวิต เช่น การหยิบฉวยของในห้างสรรพสินค้าทั้งที่มีเงินมากเกินพอที่จะจับจ่าย...”
คนแบบนี้มีอยู่จริง คนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในปัจจุบันที่ผมรู้จัก ย้อนหลังไปราว 40 ปี เคยถูกจับได้ว่าขโมยของเล็กน้อยๆ ในห้างดังห้างหนึ่ง และถูกนำไปนั่งกลางห้างมีป้ายแขวนคอว่า “ฉันเป็นขโมย” เป็นการลงโทษของทางห้าง แต่ไม่ได้นำส่งตำรวจ ประมาณว่าประจานแค่นี้พอแล้ว
แต่คนอีกประเภทหนึ่งคือ คดโกงโดยสันดาน คนพวกหลังนี้แม้ร่ำรวยสักเท่าไหร่ก็ไม่พอ อยากมี อยากได้ แต่ไม่อยากจ่าย ดังนั้น การที่โรงแรมจัดดิสเพลย์ขวดเหล้าขวดไวน์อย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตำหนิ หรือดูถูกแขกของคนแต่อย่างใด คงป้องกันไว้ก่อน เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้
คนที่มีพื้นนิสัยส่วนลึกเป็นคนฉ้อฉลจะมีความเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นธรรมชาติ ถ้าฉกฉวยเหล้าแพงๆ สักขวดสองขวดคงจะไม่เท่าไร แต่นิสัยฉ้อฉลคดโกงจะเติบโตขึ้นในตัวตามชื่อเสียง, อำนาจ และอิทธิพลที่มี และในที่สุดขนาดของความเสียหายก็จะกลายเป็นอันตรายต่อสังคม
ไม่น่าจะนานเกินลืม เมื่อ 30 ปีที่แล้ว มีนักธุรกิจที่รวยขึ้นมาจากสัมปทานกับหน่วยงานของรัฐ เข้ามาสู่วงการเมือง พร้อมกับคำพูด “ผมรวยแล้ว ผมไม่โกง”ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองชื่นชมยกย่อง และให้การสนับสนุนกันเป็นแถว
หลังจากขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง เรื่องราวมากมายที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากลก็ตามมาเป็นระลอก กลายเป็นคดีมากมาย บรรดานักการเมืองและข้าราชการที่รับใช้ติดคุกติดตะรางกันไป แม้แต่ตัวเองก็โดนคดีได้รับคำพิพากษาให้ติดคุก แต่ที่หนักกว่านั้นคือ ผลพวงต่อมาสร้างความเสียหายให้ประเทศรวมกันทุกกรณี น่าจะนับล้านล้านบาท
หลังสุด หมอชื่อดังที่เป็นนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งก็ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า7 พันล้านบาท หมอคนนี้มักมีภาพให้เห็นตามงานสังคมชั้นสูง เป็นผู้บริหารเครือข่ายโรงพยาบาลดัง สถานะทางสังคมสูงส่งสร้างความเชื่อถือให้ผู้คนจำนวนมาก ฐานะความเป็นอยู่ก็น่าจะเลิศหรูอยู่สบาย
แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้ถึงกมลสันดาน นอกจากนี้ ยังมีคนที่สถานภาพในสังคมดูดีอีกมากที่เนื้อแท้ไม่ใช่อย่างที่คนทั่วไปเห็น และผู้คนจำนวนมากก็กลายเป็นเหยื่อ
แต่ก็ไม่แปลกอะไรที่เรื่องราวประเภท...พระสร้างมหาอาณาจักรดูดเงินชาวบ้านนับพันนับหมื่นล้าน, นักแสดงขวัญใจประชาชนมีธุรกิจล่อใจให้ลงทุน, ทนายความที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยถูกคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ฯลฯ จะยังคงอยู่ในเมืองไทยต่อไปอีกนาน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคนเหล่านี้ได้
เพราะคนไทยมากมายพร้อมจะอ่อนค้อมต่อผู้ที่ร่ำรวยกว่า ตำแหน่งฐานะเหนือกว่า และมีชื่อเสียงโด่งดังบางทีถึงขั้นยกย่องบูชา โดยไม่ได้ดูเข้าไปให้ลึกถึงที่มาของเงินและอำนาจ หรือกระทั่งไม่สนใจแยกแยะว่า ใครเป็นคนรวยที่ยังพอมีคุณธรรม หรือใครเป็นแค่นักต้มตุ๋นชั้นสูง
คนคดโกงที่มีความใหญ่โตของชื่อเสียงและอำนาจปริมาณของการคดโกงก็ยิ่งใหญ่ตามไปด้วย โซ่คริสตัลอย่างที่โรงแรมใช้ล่ามขวดเหล้าขวดไวน์ใช้ไม่ได้ผลกับคนพวกนี้แต่ถ้าเอาไว้ให้เหยื่อผู้ลุ่มหลงแขวนคอตายคงพอได้
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี