วันขอบคุณพระเจ้าตรงกับวันพฤหัสบดีที่สี่ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ประเพณีนี้เกิดขึ้นภายหลังการอพยพของชาวยุโรปมาทวีปอเมริกาเหนือ เป็นวันที่ทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยกัน ลูกหลานพี่น้องที่อยู่ไกลจากครอบครัวเดิมจะเดินทางกลับมาร่วมฉลองในเทศกาลนี้อย่างแสนสุขและอบอุ่นถ้วนหน้าเช่นเดียวกับเทศกาลคริสต์มาส เมนูหลักประจำวันขอบคุณพระเจ้าคือการอบไก่งวง
เรื่องราวที่ชาวโลกรู้จักดีคือฤดูใบไม้ร่วงปี คศ.1621 ชาวอินเดียนแดงเผ่าแวมปานอกส์ร่วมฉลองและแบ่งปันอาหารกับนักล่าอาณานิคมชาวอังกฤษ จำนวน 52 คน ที่รอดชีวิตจากโรคระบาดในปีนั้น นักล่าอาณานิคมแล่นเรือมาจากอังกฤษได้มาขึ้นฝั่งที่นั่นและตั้งชุมชนใหม่ของตนเองขึ้น ด้วยการเปลี่ยนชื่อเมืองของอินเดียนแดงเผ่านั้นเป็นพลีมัธ ปัจจุบันอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์
ชาวอังกฤษจำนวน 101 คนแล่นเรือเมย์ฟลาเวอร์เข้าเทียบฝั่งเมืองที่อินเดียนแดงอาศัยอยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แต่ตอนนั้นทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างจากการแพร่ระบาดของกาฬโรค เชื้อกาฬโรคคร่าชีวิตผู้มาเยือนกลุ่มนี้เช่นกัน ทำให้ชาวอังกฤษที่มากับเรือเมย์ฟลาเวอร์ล้มตายไปกว่าครึ่ง
เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วงปลายปี ผู้รอดชีวิตจากโรคร้ายซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงเผ่านี้กับสมาชิกอีก 90 คน และชาวอังกฤษ อีก 52 คนที่รอดตายจึงได้ร่วมฉลองการเก็บเกี่ยวที่สำเร็จลุล่วงด้วยดีเป็นเวลานานถึง 3 วัน 3 คืน
นี่คือประวัติศาสตร์ที่ถูกทำให้เชื่อว่าเป็นความจริง แล้วความจริงที่เกิดขึ้นล่ะ..คืออะไร...?
หากขุดลึกลงไปในรายละเอียดพบว่า แรกเริ่มเดิมทีเทศกาลขอบคุณพระเจ้าเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน คือวันที่ครอบครัวชาวอเมริกันมารวมตัวเพื่อเฉลิมฉลองและสวดภาวนาขอความสำเร็จในเรื่องการเพาะปลูก สุขภาพ และการสู้รบ
จากนั้นถูกแปลงสารให้กลายมาเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มนักแสวงบุญจากยุโรปแล่นเรือเทียบชายฝั่งรัฐแมสซาชูเซตส์ และแบ่งปันมื้ออาหารกับชนพื้นเมืองเผ่าแวมปานอกส์ เมื่อปี ค.ศ.1621 น่าแปลกที่ไม่ยักเล่าต่อว่า อีก 17 ปีให้หลัง กลุ่มที่ว่านี้แหละบุกเข้าไปเผาทำลายหมู่บ้านของชนพื้นเมืองเผ่าพีควอท (Pequot) และยังจับชาวบ้านทั้งผู้หญิง ผู้ชายและเด็กไปเผาทั้งเป็น
ตามบันทึกของคนผิวขาวที่เขียนเล่าอย่างหยดย้อยว่า พวกตนมีเมตตาต่อชนเผ่าอินเดียนแดงอย่างไรในวันงานเลี้ยงขอบคุณพระเจ้า หากศึกษาประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์อินเดียนแวมปานอกส์แล้วกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝ่ายอินเดียนแดงบันทึกไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวันขอบคุณพระเจ้าของชาวอาณานิคมคือ พวกอาณานิคมยิงปืนและปืนใหญ่เป็นการเฉลิมฉลอง หัวหน้าเผ่าคิดว่าเกิดสงครามในอาณานิคม จึงรวบรวมนักรบอินเดียนแดง 90 คนไปดูลาดเลา
เมื่อไปถึงอาณานิคมจึงรู้ว่ามีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกัน พวกอาณานิคมยิงปืนใหญ่เป็นการฉลอง อินเดียนแดงเลยตัดสินใจตั้งค่ายอยู่ใกล้ๆ เพื่อสังเกตการณ์ว่าเรื่องที่ชาวอาณานิคมพูดนั้นจริงหรือไม่ แต่การที่มีนักรบอินเดียนแดงมาตั้งค่ายใกล้ๆ ทำให้ชาวอาณานิคมนึกหวาดกลัวขึ้นมา กระนั้นก็ไม่ได้เชื้อเชิญอินเดียนแดงไปร่วมงานฉลองก่อนแต่อย่างใด คาดว่าอาจจะเชิญทีหลังเมื่อเห็นว่าอินเดียนแดงมาป้วนเปี้ยนรอบอาณานิคมเลยคิดว่าไหนๆ ก็มีอาหารมากมาย คงไม่เป็นไรหากให้อินเดียนแดงร่วมงานเลี้ยง
ต่อมาก็อย่างที่เห็นและเป็นอยู่นั่นแหละที่เรื่องนี้ถูกทำให้เข้าใจว่าชาวอาณานิคมมีเมตตา เชื้อเชิญอินเดียนแดงมาร่วมงานเลี้ยงฉลอง จนกลายเป็นเรื่องเล่าประจำชาติในที่สุดด้วยการเพิ่มรายละเอียดขึ้นเรื่อยๆ
จอร์จ วอชิงตันกำหนดให้วันขอบคุณพระเจ้าคือวันเฉลิมฉลองประจำชาติในปี ค.ศ.1789 กำหนดให้วันที่ 26 พฤศจิกายนเป็นวันขอบคุณพระเจ้าตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา นักเขียนคนหนึ่งคือนางซาราห์ โจเซฟปา เฮลล์ (Sarah Josepha Hale) บรรณาธิการ นิตยสารสตรี Godey's Lady's Book รณรงค์ต่อรัฐสภาสหรัฐให้ลงมติให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดประจำชาติตั้งแต่ปี ค.ศ.1827 เรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ.1857
ในปี ค.ศ. 1863 ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าคือวันที่ 26 พฤศจิกายนและให้ถือเป็นวันหยุดทั่วประเทศสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ แต่ในปี ค.ศ.1939 ประธานาธิบดีแฟรงคลิน ที รูสเวลท์กำหนดว่าวันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันพฤหัสในสัปดาห์สุดท้ายเดือนพฤศจิกายน และยึดตามนี้มาจนถึงปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี