รอบสัปดาห์นี้คงไม่มีข่าวอะไรครึกโครมเท่ากับการถูกปิดประตูสังหาร นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า สจ.โต้ง ในคฤหาสน์ของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี อดีตสส.หลายสมัย ซึ่ง สจ.โต้ง ก็เคยเป็นอดีตสมาชิกสภาจังหวัดในสังกัดของ นายสุนทร และปัจจุบัน น.ส. ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง ก็ยังเป็นสจ.ในกลุ่มเดียวกันอยู่
ยิ่งกว่านั้น สจ.โต้ง ยังมีความใกล้ชิดกับ นายสุนทร ถึงขั้นนับญาติเป็นลูกบุญธรรมกัน
หลังเหตุการณ์มีผู้ต้องหาถูกจับ 7 คน รวมถึงตัว นายสุนทร ด้วย ทุกคนให้การไปทางเดียวกันว่า ต้นเหตุการสังหารมาจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่าง สจ.โต้ง กับ นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ และ นายธนศรัณย์กรณ์ เตชะธนัตถ์โชติ สองมือปืน เป็นเรื่องบันดาลโทสะ ไม่มีใครบงการหรือวางแผนมาก่อน
ตำรวจประจำท้องถิ่นจะเชื่อการสอบปากคำเบื้องต้นหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ คนติดตามข่าวไม่มีใครเชื่อ ภรรยาของ สจ.โต้ง และญาติสนิทมิตรสหาย ก็ไม่เชื่อ จึงขอโอนคดีมายังกองปราบฯ เพราะกลัวอิทธิพลในพื้นที่จะทำให้คดีไม่ได้รับความยุติธรรม และถึงแม้กองปราบฯรับทำคดีนี้ อดีตนายตำรวจใหญ่อย่าง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ยังให้ความเห็นผ่านสื่อว่า มีโอกาสมากที่ นายสุนทร จะหลุดพ้นจากคดีนี้
ส่วนสาเหตุก็ว่ากันไปหลากหลายประเด็น ตั้งแต่ความขัดแย้งเรื่องการส่งคนลงสมัครนายก อบจ. สมัยต่อไป สจ.โต้ง จะส่งภรรยาลงแข่ง แต่คิดว่า นายสุนทร จะหนุนคนอื่นลงสมัคร, สจ.โต้ง ไม่พอใจที่ นายสุนทร ไม่ดูดำดูดีตอนตนเองติดคุกในคดีฮั้วประมูลในอดีต, การเรียกเงินครั้งละมากๆ ตามที่เสียงในคลิปโทรศัพท์พูดถึงเงิน20 ล้าน เป็นต้น, รุ่นใหญ่เห็นว่ารุ่นหลังพยายามสร้างบารมีขึ้นมาเทียบกับตนเองหรือกระทั่งเกรงว่าความขัดแย้งจะนำไปสู่การเปิดโปงความลับอะไรบางอย่าง
แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง หรืออาจจะทุกประเด็นรวมกัน เพราะช่วงหลังๆ ไปไหนมาไหน สจ.โต้ง ก็พยายามระวังตัวด้านความปลอดภัยมากขึ้น คนที่อยู่ด้วยกันมานาน เป็นมือเป็นไม้ให้ในกิจกรรมต่างๆ ก็ย่อมได้กลิ่นแปลกๆ ตามธรรมชาติของคนในสายเจ้าพ่อนักเลง
เหตุการณ์ฆ่ากันแบบนี้ไม่ใช่ของใหม่ในสังคมไทย และคงจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยยังให้ความเคารพนับถือคนที่อำนาจ โดยไม่สนใจว่าอำนาจอิทธิพลเหล่านั้นมาจากการสร้างคุณความดีหรือไม่
สิ่งที่น่าอนาถใจก็คือ เรามักจะพบเรื่องราวของคนที่เติบโตขึ้นมาจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย หรือล่อแหลมจะผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้าของเถื่อน, การทำบ่อนการพนัน, การใช้อำนาจมืดเข้าไปตัดผู้อื่นที่เข้าแข่งขันรับเหมางานกับรัฐ,การรีดไถหรือเก็บค่าคุ้มครอง ฯลฯ โดยมีการจ่ายเจ้าหน้าที่เพื่อการดูแลเป็นพิเศษ
เมื่อใหญ่โตขึ้น ด้านหนึ่งก็ทำตัวเป็นพี่มีแต่ให้ และในที่สุดก็เข้าสู่การเมือง บ้างก็เริ่มจากท้องถิ่นบ้างก็พาสชั้นกระโดดเข้าสู่ระดับชาติเลย ทางหนึ่งเพื่อใช้เป็นเกราะปกป้องตัวเอง และอีกทางหนึ่งก็ขยายอำนาจบารมีมากขึ้น ฝังรากลึกจนไถ่ถอนได้ยากลำบาก
ผู้มีอิทธิพลบางตระกูลสามารถส่งถ่ายตำแหน่งทางการเมืองสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ที่หนักกว่านั้น แม้ไม่มีใครกล้าออกมายืนยัน แต่เป็นที่ร่ำลือกันมานานหลายทศวรรษว่า ผู้มีอิทธิพลในหลายจังหวัด ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ย้ายมาใหม่ต้องไปทำความรู้จัก หรือถ้าไม่เขินปากจะเรียกว่า “คารวะ” ก็ยังได้ บางคนเมื่อมีอำนาจทางการเมืองด้วย ก็สามารถย้ายข้าราชการได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของการคอร์รัปชั่นที่ไม่รู้จบรู้สิ้นในเมืองไทย
สมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เคยมีนโยบายที่จำกัดอำนาจเถื่อนอิทธิพลมืด ทำให้ความเหิมเกริมแผ่วลงไปบ้าง แต่ก็ทำไม่สำเร็จเสียทีเดียว ท่านตัดสินใจสละอำนาจทางการเมืองเสียก่อน ทุกวันนี้อิทธิพลของเจ้าพ่อหรือขาใหญ่ก็เบ่งบานยิ่งกว่าเก่า
ไม่กี่วันมานี้ พ่อของนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ราวกับจะออกมาแต่งตั้งลูกสาวอย่างไม่เป็นทางการว่านายกฯจะเป็นหัวหน้าทีมเฉพาะกิจปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศหลังจากเหตุความรุนแรงที่ปราจีนบุรี ฟังแล้วเหมือนตลกร้ายประเภทดาร์ค คอเมดี้
ก่อนจะลงเลือกตั้งจนได้มีพรรคแกนนำรัฐบาลทุกวันนี้ ก็เที่ยวไปชักชวนพวกเจ้าพ่อขาใหญ่ตามพื้นที่ต่างๆ มาเข้าพรรค เพราะเชื่อว่าอิทธิพลและอำนาจในท้องถิ่นของคนเหล่านั้นจะทำให้ได้คะแนนเสียง และตอบแทนด้วยตำแหน่งให้ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสภาและรัฐบาลตอนนี้-ไม่ใช่หรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี