ผมไม่อยากให้นิยามคำว่า “วิปลาส” ที่คนทั่วไปเรียกว่า “หลง” หรอกครับ แต่อยากให้บทความสมบูรณ์และมีประโยชน์บ้างดีกว่าบริภาษอย่างเดียว!
วิปลาส หมายถึง ความรู้เห็นที่คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ หรือรู้-เข้าใจผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง พระพุทธศาสนาแบ่งเป็น 3 ลักษณะ
1.สัญญาวิปลาส คือ “ความจำ” ผิดเพี้ยนเกิดจากการให้สมมุติหรือความหมายแก่สิ่งต่างๆว่าเป็นนั่นเป็นนี่ จนยึดติดถือมั่นในสมมุติหรือความหมายเหล่านั้น เช่นการโกหกตัวเองให้เชื่อแบบนั้น-แบบนี้ ทั้งที่สิ่งนั้นอาจไม่เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงอย่างที่เชื่อ
2.จิตตวิปลาส คือ “ความคิด” ผิดเพี้ยนเกิดจากการไม่ระวังในการคิด คิดสิ่งที่ไม่ควรคิด จนทำให้จิตมีอารมณ์แปรปรวน เกิดอารมณ์ต่างๆ ขึ้นมา ทั้งที่อาจเป็นความคิดที่ไร้เหตุผล ไม่ใช่เรื่องจริง ไร้หลักฐาน เป็นการคิดไปเองแล้วหลงเชื่อว่าเป็นจริง
3.ทิฏฐิวิปลาส คือ “ความเห็น” ผิดเพี้ยนได้แก่เชื่อค่านิยม ทัศนคติ หรือเข้าใจผิดเพี้ยน เกิดจากความด้อยปัญญาของจิต ที่ไม่พิจารณาสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ด้วยปัญญาตามเหตุผลหรือตามเหตุปัจจัย จึงเกิดความเห็นผิดในสิ่งต่างๆ เเล้วปกป้อง - ยึดมั่นในความเห็นผิดนั้น
เราทุกคนวิปลาสกันทั้ง 3 ลักษณะนั่นแหละ ไม่มากก็น้อย แต่คนที่วิปลาสอย่างถาวรหรือเปลี่ยนแปลงได้ยากก็คือคนที่เรียนสูงคิดมาก รู้มาก ที่เรียกกันว่าปัญญาชน คนพวกนี้มักจะ “ยกตนข่มท่าน” เพราะวิปลาส(หลง)ว่าตนเป็นเทวดาเหนือคนอื่น ซึ่งก็เป็นความวิปลาสอีกอย่างหนึ่งที่ซ้อนทับกับความวิปลาสอื่น
“ปัญญาชน” นั้นมักจะเชื่อว่าตนมีภูมิรู้ - รู้ลึก รู้กว้างกว่าคนทั่วไป เป็นความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ ทันสมัย และมองคนที่เชื่อเรื่อง “ผีสางเทวดาฟ้าดิน” ว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ เป็นเรื่องเหลวไหล
แต่ถ้าศึกษาอย่างลึกซึ้งก็จะรู้ว่าผีสางเทวดานั้นมีอยู่จริง เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “โอปปาติกะ” ฟ้าดินนั้นยิ่งมีจริง เพราะเราเหยียบยืนและเห็นอยู่ทุกวัน
ปัญญาชนผู้หลงตนว่ามีภูมิรู้นั้นจึงไม่พึ่งผีสางเทวดาฟ้าดิน แต่พึ่งลัทธิอุดมการณ์ ทฤษฎี คำสอนต่างๆ ที่เจ้าของโฆษณาตัวเองว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นสัจธรรม-เป็นความจริงแท้ และสร้างภาพฝันอันสวยงามให้คนหลงเพ้อ
อย่าง “ลัทธิสังคมนิยม - คอมมิวนิสต์”นั้น สร้างภาพฝันถึงสังคมที่เท่าเทียมเป็นธรรมไม่มีชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดกัน มีแค่ชนชั้น“ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง” ในระยะเริ่มแรกที่เรียกว่า “สังคมนิยม” เมื่อสังคมพัฒนาไปจนถึงระยะคอมมิวนิสต์ ชนชั้นผู้ปกครองก็จะสลายไป ไม่มีผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองอีกต่อไป ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ มีความเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครอดอยาก ไม่มีใครมีทรัพย์สินส่วนตัว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของรัฐ และรัฐก็เป็นของประชาชน ทุกคนจึงมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์อย่างเท่าเทียมกัน
จึงเป็นสังคมที่สัมบูรณ์ มนุษย์ก็สัมบูรณ์ดังที่ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เรียกว่า “สังคมพระศรีอาริย์”
แต่ก่อนจะถึงระยะแรกคือสังคมนิยม เจ้าของลัทธิอุดมการณ์ก็สอนให้แบ่งฝ่าย - แบ่งชนชั้น คือชนชั้นผู้ถูกกดขี่กับผู้ถูกกดขี่ เป็นการแบ่งผู้คนในสังคมออกเป็น 2 ฝ่าย แล้วเข่นฆ่าทำลายล้างกันก่อนเรียกว่า “การปฏิวัติ” ถ้าฝ่ายผู้ถูกกดขี่ชนะก็คือปฏิวัติได้สำเร็จ และสถาปนารัฐเป็นสังคมนิยม
พวกปัญญาชนเชื่อว่า การแบ่งชนชั้นหรือแบ่งฝ่ายเข่นฆ่าทำลายล้างกันนั้นเป็นการปฏิวัติ ไม่ใช่การบูชายัญแก่ลัทธิอุดมการณ์ด้วยเลือดเนื้อมนุษย์เหมือนคนในยุคโบราณ
ประเทศที่ปฏิวัติสำเร็จอย่างจีน สหภาพรัสเซียนั้นก็ไปไม่รอด ผู้คนอดอยากล้มตาย ถูกชนชั้นผู้ปกครองกำจัดเสียก็มาก อย่างการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน ผู้นำก็โง่เขลาเมาอำนาจ สุดท้ายก็ต้องกลับมาพึ่งระบบทุนนิยม(ตลาดเสรี)
ผู้ที่คนบาดเจ็บล้มตายเพื่อลัทธิอุดมการณ์และผู้ต่อต้านอุดมการณ์ก็ล้มตายไปอย่างไร้ค่าเป็นการบูชายัญที่สูญเปล่าอย่างมหาศาล
ในปัจจุบัน...ปัญญาชนที่วิปลาส(หลง) อยู่กับลัทธิอุดมการณ์นี้ก็ป่าวประกาศว่าจีน -รัสเซียพัฒนาจนไต่อันดับเป็นมหาอำนาจได้ก็เพราะใช้ลัทธิสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์) พวกลิ่วล้อจำนวนมากก็เชื่อตาม ทั้งที่มันพังไปตั้งนานแล้ว
มันจึงเป็นความวิปลาสอย่างถาวรของพวกปัญญาชน เพราะหลงยึดอยู่กับสิ่งที่ชั่วร้าย ที่พวกเชื่อถือไสยศาสตร์ไม่เคยเป็นอย่างนั้น
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี