เที่ยงตรงของวันที่ 16 สิงหาคม 1946 ผู้ชุมนุมชาวมุสลิมก็หลั่งไหลกันมาจนเต็มลานอนุสรณ์ อ๊อคเทอร์โลนี่ เพื่อทำพิธีละหมาด จากนั้นกิจกรรมการปราศรัยเพื่อ “วันปฎิบัติการตรง” ก็เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น.
รายงานของตำรวจระบุว่ามีผู้ร่วมชุมนุนประมาณ 30,000 คน ซึ่งขัดแย้งกับรายงานของหน่วยงานพิเศษของตำรวจที่ประมาณว่า น่าจะมีจำนวนมากถึง 500,000 คน ในขณะที่หนังสือพิมพ์ STAR OF INDIA ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของฝ่ายมุสลิมบอกว่า มีผู้ชุมนุมประมาณ 100,000 คน
ต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 80 ปีแล้ว ความแม่นยำทางเท็คโนโลยี การสื่อสาร และ ความเชี่ยวชาญชำนาญของหน่วยงานรัฐในการรับมือกับการชุมนุมยังไม่ดีเหมือนกับในปัจจุบันนี้ ดังนั้น การคำนวนนับจำนวนคนจึงอาจผิดพลาดได้มาก
เกือบทุกคนที่มาชุมนุมจะมีอาวุธ เช่น ท่อนเหล็ก หรือ ไม้กระบองที่ทำจากไม้ไผ่ ติดตัวมาด้วย
(คาห์วาจา นาซิมมุดดิน)
ผู้ปราศรัยหลักบนเวทีมีอยู่ 2 คนคือ คาห์วาจา นาซิมมุดดิน และ ฮูสเซน ชาห์ฮีด ชูห์ราวาร์ดี (HUSEYN SHAHEED SUHRAWARDY)ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งรัฐเบงกอล(CHIEF MINISTER OF BENGAL)
(ฮูสเซน ชาห์ฮีด ชูห์ราวาร์ดี -ภาพจากวิกิพีเดีย)
การปราศรัยของ นาซิมมุดดินในช่วงแรกออกไปในแนวทางสันติ และ ให้ผู้ออกมาประท้วงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ไหลไปตามกระแส แต่พอช่วงท้ายของคำปราศรัย เขากลับเปลี่ยนแนวการพูดด้วยการเพิ่มกระแสความตึงเครียดในหมู่ชาวมุสลิมด้วยการบอกว่า
“จนกระทั่ง 11.00 น มีรายงานว่า บรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดล้วนเป็นชาวมุสลิม และ ตอกย้ำอีกครั้งว่า ชุมชนชาวมุสลิมควรจะต้องออกมาล้างแค้น หรือ เพื่อป้องกันตนเองด้วย”
การจลาจลจึงเกิดขึ้นตามมา มีรายงานว่า รถบรรทุกหลายคันได้เดินทางเข้ามาในเมืองกัลกัตตา ในรถดังกล่าวได้ขนเอาพวกกุ๊ย และ อันธพาลมุสลิมที่พกเอาก้อนหิน ขวด ที่สามารถใช้เป็นอาวุธติดตัวมา จากนั้นก็บุกเข้าไปทำลายร้านค้าของชาวฮินดู
การจลาจลเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนในที่สุดเวลา 6 โมงเย็น รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเบงกอลต้องประกาศเคอร์ฟิว หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง ทหารก็ถูกส่งเข้าไปควบคุมถนนสายหลักของเมือง เพื่อให้ตำรวจเข้าไปคุ้มกันชาวฮินดูที่อาศัยอยู่ในสลัมที่อยู่ห่างไกลออกไปและยากต่อการเข้าถึง
(ภาพถ่ายในเมืองกัลกัตตา หลังจากเกิดเหตุการณ์ “ปฎิบัติการณ์ตรง” ของ ชาวมุสลิม-ภาพจากวิกิพีเดีย ท่านผู้อ่านที่อยากจะดูภาพในเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ GETTYIMAGES ได้ครับ)
การสังหารโหดที่รุนแรงมากกว่านั้นเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น ทำให้ทหารต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และขยายพื้นที่ควบคุมออกไปมากขึ้นจนเหตุการณ์ดีขึ้น
กระนั้น ก็มีชาวฮินดูในสลัมจำนวนหนึ่งถูกทำร้าย และ สังหาร เพราะอยู่นอกเขตการดูแล และ ควบคุมของทหาร
จนกระทั่งวันที่ 18 ก็ยังมีพวกก่อความวุ่นวายจากนอกเมืองทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ เพราะตำรวจและทหารสามารถจับกุมรถบัส และ แท็กซี่ ได้จำนวนหนึ่ง และได้ตั้งข้อหาชาวซิกห์ และ ชาวฮินดูที่โดยสารรถมาในข้อหาพกอาวุธประเภทมีดดาบ ท่อนเหล็ก และ ปืน เข้ามาในเขตเมือง
การปะทะกันแบบสงครามย่อยๆระหว่างชาวฮินดู และ มุสลิม ดำเนินต่อไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์
จนถึงวันที่ 21 สิงหาคม ผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดียก็สั่งการให้กองทัพอังกฤษ และ อินเดีย พร้อมทั้งกองทหารกูรข่า เข้ามาจัดการกับเหตุวุ่นวายในเมือง
คาดกันว่า น่าจะมีผู้เสียเชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ประมาณ 10,000 คนหรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู แม้จะมีรายงานว่า มีคนงานชาวมุสลิมถูกสังหารเหมือนกัน
(ลอร์ด วาเวลล์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดียในวันปฎิบัติการตรง-ภาพจาก BRITANNICA)
ลอร์ด วาเวลล์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดียได้ให้ความเห็นว่า กองทัพน่าจะส่งทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่แรก เพราะกองทัพอังกฤษมีความพร้อมที่จะทำงานในทันทีที่ได้รับคำสั่งอยู่แล้ว
ทำไม ทหารจึงไม่เข้ามาควบคุมสถานการณ์เสียตั้งแต่แรก รอคำตอบในสัปดาห์หน้าครับ
สำหรับท่านที่สนใจจะร่วมเดินทางเจาะลึกอียิปต์กับผม ระหว่างวันที่ 12-21 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นกรุ๊ปสุดท้ายของฤดูกาลนี้ และจะปิดกรุ๊ปในวันที่ 12 มกราคมนี้ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498 ในรายการเพิ่มอาบูซิมเบล ให้เป็นทางเลือกอีกด้วย ราคาจะลดลงจากราคาในรายการอีก 5,000 บาท
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี