ในช่วงทศวรรษ 1930 ไอน์สไตน์ได้เชิญแซ็งต์ ฌอย แปร์เซ ซึ่งเป็นนามปากกาของ “อเล็กซิส เลเกอร์” กวีชาวฝรั่งเศสที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี 1960 มาที่พริ๊นซสตัน เพื่อค้นหาว่ากวีทำงานอย่างไร”
เขาถามว่า “แนวคิดที่นำมาเขียนบทกวีมีที่มาอย่างไร”
กวีตอบว่า “มาจากจินตนาการและการหยั่งรู้”
ไอน์สไตน์ตอบว่า “นักวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกัน มันเป็นแสงที่สว่างวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน เกือบจะเป็นความปีติอย่างล้นเหลือ หลังจากนั้นเราก็ใช้ความรู้วิเคราะห์และใช้การทำลองเพื่อยืนยันการหยั่งรู้นั้นให้มั่นใจ แต่ในเบื้องแรกนั้นจินตนาการกระโดดออกมา”
ทัศนะการมองโลกของไอน์สไตน์นิยามได้ด้วยสูตรที่เรียบง่ายชุดหนึ่งนั่นคือ “ความคิดสร้างสรรค์ต้องมาจากความคิดที่ไม่สยบยอม ต้องบ่มเพาะความคิดและจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ ขณะเดียวกันก็ต้องมีสำนึกแห่งความอดกลั้นด้วย และสิ่งที่จะส่งเสริมให้เกิดความอดกลั้นก็คือความอ่อนน้อมถ่อมตน คือเชื่อว่าไม่มีใครมีสิทธิ์บังคับให้คนอื่นคิดหรือเชื่อเหมือนตน”
ประเด็นที่ไอน์สไตน์กล่าวใน 2 ย่อหน้าสรุปได้ว่า
1.ต้องมีจินตนาการหรือการหยั่งรู้ก่อน จากนั้นใช้ความรู้วิเคราะห์และทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าจินตนาการและการหยั่งรู้นั้นถูกต้องหรือเป็นไปได้หรือไม่
2.ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ต้องไม่สยบยอม มีจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ และอ่อนน้อมถ่อมตน
เป็นวิธีที่เรียบง่ายและงดงามที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ ทุกสาขาอาชีพ แต่ในความเป็นจริงก็คือโลกนี้มีคนที่สร้างสรรค์น้อยเกิน ทั้งที่ทุกคนมีจินตนาการทั้งนั้น มีมาตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว และชราภาพ แต่กลับไม่สามารถใช้จินตนาการหรือการหยั่งรู้ให้เกิดการสร้างสรรค์และความรู้ใหม่ได้มากนัก
เหตุเพราะ....จำกัดตัวเองอยู่ในระบบระเบียบของสังคมมากเกินไป หรือเมื่อเติบโตขึ้นก็โดนระบบเหตุผล -ความรู้ - ความคิดเข้าปิดกั้น-กดทับจินตนาการจนแทบหมด รวมทั้งไม่เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของจินตนาการ เห็นเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน ดังนั้นอวสานของจินตนาการก็คือความคิดสร้างสรรค์ถูกทำลายอย่างน่าเสียดาย
ส่วนเรื่อง “ต้องไม่สยบยอม มีจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ อ่อนน้อมถ่อมตน”ก็มีความหมายเดียวกับคำว่า “สิทธิและเสรีภาพ” ที่ในปัจจุบันสังคมไทยมีการเรียกร้องกันทุกวัน และพยายามจะต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนไม่ชอบ เห็นว่าเป็นเรื่องลิดรอนสิทธิเสรีภาพและความฝันของตน(ไม่มีความอ่อนน้อม หากแต่ใช้ความรุนแรงทางวาจาและการกระทำ) แต่พร้อมกันนั้นก็พร้อมจะเข้าไปอยู่ภายในคอกขังของความคิด-ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “ลิเบอรัล” หรือ “สังคมนิยม”
ไม่ว่าลิทธิ-อุดมการณ์ทางการเมืองใด ต่อให้มันประกาศตัวว่าเป็นพื้นที่ที่ให้สิทธิและเสรีภาพและความฝันมากมายเพียงใด ในทางจิตวิญญาณมันก็ยังเป็นคอกขังอยู่ดี ดังนั้นจินตนาการและการหยั่งรู้ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ก็ยากจะเกิดขึ้นได้
เราจะมีจินตนาการได้อย่างไรในเมื่อเรายังอยู่ในคอกขังของชุดความคิด - ความเชื่อที่เป็นแบบแผนสำเร็จรูป เพียงแต่เราเปลี่ยนคอกเท่านั้น
“จิตวิญญาณอันเป็นอิสระ” ของไอน์สไตน์จึงไม่ใช่การต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขาปฏิเสธความเชื่อที่จะครอบงำเขา อย่างลัทธิชาตินิยมของฮิตเลอร์ (เพราะมันไม่ใช่ “ชาตินิยมโดยธรรมชาติ” ที่เกิดขึ้นเองเพราะรักประเทศชาติเช่นเดียวกับรักครอบครัว)
เพราะเมล็ดพันธุ์นั้นไม่สามารถงอกงามได้ภายใต้กะลาครอบ
“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ก็ไม่ใช่จินตนาการอย่างเพ้อเจ้อ โดยไม่มีความรู้หรือข้อมูลที่เป็นเสมือนผืนดินอันอุดมให้เมล็ดพันธุ์แห่งจินตนาการงอกงามได้
สังคมไทยในปัจจุบันนั้นหาคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้น้อยลงทุกที เพราะคนหนุ่มสาวก็เอาแต่ต่อต้าน ก่นด่า บ้างก็เรียกร้องจะเอานั่นเอานี่ จะเอาความเท่าเทียมจะเอาสวัสดิการเยอะๆ ทำงานน้อยๆ รังเกียจงานหนักและยาก อยากรวยเร็วแบบทางลัด โดยไม่คิดจะทำอะไรจริงจัง สิ่งเหล่านี้ล้วนทำลายจินตนาการที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น เพราะ “คิดแต่จะเอา” อยู่ในคอกขังของสวัสดิการหรือรัฐสวัสดิการ
มันจึงไม่มีฐานความรู้หรือข้อมูลที่จะเป็นผืนดินอันอุดมให้จินตนาการงอกงาม ไม่มีทั้งจินตนาการ ไม่มีการหยั่งรู้ ไม่มีการสร้างสรรค์ ไม่มีการวิเคราะห์เพื่อหาความจริง ไม่มีการทดลอง มีแต่ขยะปฏิกูลในกะโหลกที่ทำลายเวลา ทำลายโอกาส และทำลายความงอกงามของชีวิต
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี