คำถามยอดนิยมที่ผู้ใหญ่ทุกยุคสมัยถามเด็กๆ คือ “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” เด็กจะตอบแต่อาชีพยอดนิยมประมาณว่า อยากเป็นหมอ อยากเป็นทหาร อยากเป็นวิศวกร
ความฝันสำหรับเด็กหญิงก็อาจจะอยากเป็นดารา นักร้อง เป็นครู เป็นพยาบาล ความนิยมด้านอาชีพในอเมริกาก็ไม่แตกต่างไปจากอาชีพยอดนิยมในไทยเท่าไหร่ แต่ที่แตกต่างนิดหนึ่งคืออาชีพทนายความ เป็นอาชีพที่เด็กอเมริกันหลายคนอยากเป็น เพราะอาชีพนี้ทำเงินมหาศาลในประเทศนี้
ความเปลี่ยนแปลงของโลกและความทันสมัยทางเทคโนโลยี ทำให้อาชีพในฝันหลายอาชีพถึงจุดดับอย่างไม่น่าเชื่อ มีงานวิจัยของอเมริกาสำรวจอาชีพที่ตกต่ำและยอดนิยมในปัจจุบัน มีการจัดอันดับอาชีพที่ไม่ควรเรียน โดยนิตยสารสำนักข่าวซีบีเอส
อาชีพที่ไม่ควรทำห้าอันดับ อันดับที่ 5 คือการเป็นทหารชั้นประทวน ส่วนอันดับต่อมาล้วนอยู่ในวิชาชีพสื่อทั้งสิ้น อันดับ 4 คือ อาชีพนักจัดรายการเพลงหรือดีเจ การที่ถูกลดอันดับความสำคัญ เพราะค่าแรงต่ำและเป็นอีกอาชีพที่กำลังสะสมความเครียด จากการถูกตัดงบประมาณเพื่อขยายการให้บริการสตรีมมิ่งและพอดคาสต์ โลกโซเชียลหันไปใช้บริการ Spotify แพนดอร่า และ Apple music กันหมด ในปี 2024 อัตราการจ้างงานสำหรับ DJ หดตัวลงร้อยละ 11
อาชีพสุดพังอันดับที่ 3 คือผู้ประกาศ ผลจากการสำรวจพบว่าอาชีพนี้ได้รับค่าแรงไม่มากนักและต้องเผชิญกับการหดตัวของอัตราการจ้างงานที่ลดลงถึงร้อยละ 9 สำหรับค่าแรงที่ได้รับจะเฉลี่ยอยู่ที่ $37,200 หรือ 1,307,577 ต่อปี ถือว่าได้มากกว่าทหารและดีเจขึ้นมาอีกนิด คือเดือนละหนึ่งแสนต้นๆ
อันดับหนึ่งของอาชีพที่ไม่ควรทำในยุคนี้ก็คือผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ คนส่วนใหญ่หันมาเสพสื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้สาขาอาชีพนี้มีอัตราการจ้างลดลงถึง 9 เปอร์เซนต์ในรอบ 10 ปีจนถึงปี 2024 ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อปีในปัจจุบันจะอยู่ที่ $36,390 หรือ 1,279,105 คือเดือนละแสนกว่าๆ นั่นแหละ แต่สำหรับค่าครองชีพในอเมริกาแล้วถือว่าน้อยมาก
นี่คือภาพการเปลี่ยนแปลงที่เห็นอย่างชัดเจนของสื่อสิ่งพิมพ์ในอเมริกา แทบไม่น่าเชื่อว่าอาชีพนักหนังสือพิมพ์ที่เคยเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคนจะกลายเป็นอาชีพไม่พึงปรารถนาเสียแล้วในปัจจุบัน
ทุกเมืองในอเมริกาจะมีสำนักงานหนังสือพิมพ์ตั้งอยู่ เช่น Chicago มี Chicago Tribune ที่แต่ก่อนเป็นสื่อยอดนิยมที่ใครๆ ต้องอ่านทุกเช้า แม้ปัจจุบันยังมีหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune แต่คนนิยมอ่านในรูปแบบออนไลน์มากกว่า
แม้กระทั่งเมืองเล็กๆ ในรัฐ Indiana ที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ ก็มีสำนักงานหนังสือพิมพ์คือ South Bend Tribune ตอนที่มาอยู่เมืองนี้ใหม่ๆ เมื่อ 20 ปีก่อน หนังสือพิมพ์เล่มนี้หนาหนัก โดยเฉพาะฉบับวันอาทิตย์ ขนาดมาตรฐานเช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์ทั่วไป
บ้านเรารับหนังสือพิมพ์ทุกเช้า โดยมีเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่เด็ก และไม่ได้ใช้จักรยานส่งเหมือนที่เห็นในหนัง แต่เป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ที่ขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วโยนหนังสือพิมพ์หน้าบ้านทุกเช้า เราจ่ายค่าหนังสือพิมพ์และค่าส่งเป็นรายเดือน
กิจการหนังสือพิมพ์ก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ปัจจุบันหนังสือพิมพ์ประจำเมืองมีขนาดเล็กลงและบางอย่างน่าใจหาย สำนักงานในเมืองเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือนเก่า อเมริกันหันมาอ่านข่าวแบบออนไลน์มากขึ้น บ้านผู้เขียนก็เลิกรับฉบับนี้ แต่ยังรับหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ทุกอาทิตย์
คนที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์กระดาษคาดว่าน่าจะเป็นคนรุ่น Baby boomers ที่ปัจจุบันอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะยังเคยชินกับสื่อกระดาษอยู่ รวมถึงคนอเมริกัน Gen X ที่อายุ 50 ขึ้นไป หรืออ่านปนกันไปทั้งสื่อกระดาษและสื่อออนไลน์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี