การเลือกตั้งครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง ตั้งแต่ประเด็นใหญ่ที่จะเป็นแนวโน้มไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอีก 2 ปีกว่า จนถึงประเด็นงอแงเป็นเด็กของพรรคประชาชน
ประเด็นใหญ่ก็คือ มีผู้ไม่เลือกผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนใดเลย มากถึง 1,158,201 คน คิดเป็น 7.08 เปอร์เซ็นต์ (บัตรเสีย931,290 ใบ คิดเป็น 5.69 เปอร์เซ็นต์)
และมีผู้ไม่เลือกผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนใดเลย มากถึง 1,799,344 คน คิดเป็น 6.81 เปอร์เซ็นต์ (บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63 เปอร์เซ็นต์)
รวมคะแนนของผู้ไม่เลือกผู้สมัครคนใดเลยเกือบ 3 ล้านคน!
บัตรเสียนั้น กกต.บอกว่าเกิดจากความสับสนของผู้เลือกตั้ง แต่บัตรที่เจตนาไม่เลือกใครเลยนั้นส่งผลให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นผู้สมัครสมาชิก อบจ. เพราะคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ตามกฎหมาย คือ ได้คะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใดเลย
ประกอบด้วย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1
จ.ตรัง อ.เมืองตรัง เขตเลือกตั้ง ที่ 2
จ.ชุมพร อ.สวี เขตเลือกตั้งที่ 4
และมีอีก 1 เขตไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะผู้สมัครถูกตัดสิทธิไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือ ชัยนาท อ.วัดสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 1 ดังนั้นทั้ง 4 จังหวัดนี้ต้องเลือกตั้งใหม่
ผมเห็นว่าการไม่เลือกผู้สมัครใดเลยมีมากกว่าผู้เลือก รวมทั้งเขตอื่นที่ไม่ได้เลือกใครเลย แต่คะแนนเสียงยังไม่มากกว่าผู้เลือกนั้น เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะมันประกาศว่าผู้เลือกตั้งไม่ต้องการนักการเมืองที่ลงรับสมัครเลือกตั้ง
แปลความขั้นต้นได้ว่า พวกเขาไม่เชื่อถือ ไม่หวัง และไม่ชอบ นักการเมืองคนที่พวกเขาปฏิเสธ
แปลความขั้นที่ 2 ได้ว่า ผู้ปฏิเสธนักการเมืองนั้นอาจจะปฏิเสธ“การเลือกตั้ง” อย่างในปัจจุบัน ที่ไม่มีกระบวนการคัดกรองผู้สมัครมาชั้นหนึ่งก่อน (คนจะสอบเข้ารับข้าราชการยังต้องสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์)
และอาจจะมีบางส่วนไม่ชอบ1 สิทธิ์ 1 เสียง ที่ทุกคนผ่านคุณสมบัติพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญก็มีสิทธิเลือกตั้งได้แล้ว
ทั้งหมดเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีความรับผิดชอบต่อคุณภาพของคน โดยเฉพาะผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงแต่เลือกตั้งเพื่อให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น
แปลความขั้นที่ 3 ได้อีกว่าเป็นการส่งสัญญาณไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า ถ้านักการเมืองยังเป็นอย่างในปัจจุบัน คือไม่มีคุณภาพในสายตาของผู้เลือกตั้ง และพรรคที่เอาแต่โอ้อวดแต่ทำไม่ได้ ไม่เคยทำอะไรจริงจังก็จะโดนปฏิเสธอีก เป็นการตอกย้ำว่านักการเมืองไทยไม่ได้สร้างสรรค์ประโยชน์อะไรให้แก่ประชาชนอย่างที่โอ้อวด
หากแต่ทำประโยชน์ให้แก่ตนและพวกตนมากกว่า ซ้ำยังเป็นพวกที่สร้างปัญหาสารพันให้แก่ประเทศชาติเสียเองจนเป็นภาระให้คนที่รักประเทศชาติต้องออกมาคัดค้าน เรียกร้องกันอยู่ทุกวัน
ยกเว้นพวกลูกหาบของแต่ละพรรคแต่ละฝ่าย ที่ยังหลับหูหลับตาเชียร์กันราวกับนักการเมืองของตนเป็นผู้มาโปรดสร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้ ส่วนประเด็นเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องงอแงของพรรคประชาชนที่เคยตีปีกประกาศกับสื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะชนะอย่างถล่มทลายเช่นเดียวกับการเลือกสส.ครั้งที่ผ่านมา แต่เมื่อแพ้ราบคาบผิดความคาดหมายก็โทษเรื่องอื่นคนอื่น แต่ไม่โทษตัวเอง
โทษ กกต.ว่าให้เลือกตั้งวันเสาร์เพื่อปิดโอกาสคนหนุ่มสาวที่ทำงานไม่ให้มาเลือกพรรคของตน และแพ้ที่ระยอง ชลบุรีกับสมุทรปราการนั้นเพราะผู้เลือกตั้งสับสน กาบัตรเลือกนายกกับเลือกสมาชิกอบจ. ผิด จึงเป็นบัตรเสีย และส่งผลให้พรรคประชาชนแพ้!
พรรคประชาชนนั้นทำอะไรถูกต้องเสมออยู่แล้ว มีแต่คนอื่นผิด ตามประสาพวกขี้แพ้ชวนตี ไม่มีความสามารถอะไร นอกจากปั่นกระแสและคุยโว!
การปฏิเสธนักการเมืองคือการประกาศว่า “กูไม่เอามึง!” พร้อมกับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการเลือกตั้งด้วย
ขอแสดงความนับถือครับ
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี