“เวลาเจ้าเดินเข้าไปในป่า ยามอาทิตย์ลับฟ้า เจ้าต้องผิวปากหรือเคาะหินตลอดเวลา เพื่อให้มนุษย์ขนดกซึ่งอาศัยอยู่ในป่ารู้ตัว จะได้ไม่ล้ำเข้าไปในแดนของกันและกัน เจ้าจงจำคำของข้าไว้ให้ดีเถิด”
ผู้เฒ่าในเผ่าอาปาเช่จะพร่ำสอนเด็กหนุ่มสาวในเผ่าทุกคนแบบนี้ โดยอ้างโยงไปถึง “มนุษย์ขนดก”ที่อยู่ในป่า น่าแปลกใจว่าเรื่องนี้ปรากฎในเรื่องเล่าของเผ่าอื่นเช่นกัน แทบทุกเผ่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวซาสควาทช์ ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์กึ่งคนกึ่งลิง แต่มีขนาดใหญ่กว่าคนทั่วไปมาก มีขนสีดำหรือน้ำตาลปกคลุมเต็มตัว แม้อินเดียนแดงจะเรียกตัวประหลาดนี้ว่าซาสควาทช์ (Sasquatch) หรือ "ลิงยักษ์" แต่คนทั่วไปเรียกว่า “บิ๊กฟุต” หรือไอ้ตีนโต
หลักฐานเก่าแก่สุดที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของบิ๊กฟุต คือภาพเขียนสีบนผนังถ้ำของอินเดียนแดงในเขตสงวน ที่อยู่ห่างไปทางตอนเหนือของลอสแอนเจลิสเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ภาพวาดฝาผนังนั้นมีอายุราวปี ค.ศ. 500 เป็นภาพของบิ๊กฟุตตัวผู้และตัวเมีย แถมมีบิ๊กฟุตตัวเล็กพ่วงท้ายด้วยเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ประเทศที่มีรายงานการพบเห็นไอ้ตีนโตมากที่สุดคืออเมริกา ปรากฎรายงานเกือบทุกรัฐ ยกเว้นรัฐเดลาแวร์และฮาวาย การพบไอ้ตีนโตในอเมริกาเหนือมีมานานกว่า 400 ปีแล้ว
หลักฐานการพบบิ๊กฟุตครั้งสำคัญถูกบันทึกในปี ค.ศ. 1967 โดยนักล่าบิ๊กฟุต 2 คน คือ โรเจอร์ แพตเตอร์สัน และบ็อบ กิมลิน ใช้กล้องวิดีโอบันทึกภาพสัตว์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังเดินผ่านทุ่งโล่งใกล้ บลัฟฟ์ ครีก ทางตอนเหนือของแคนาดา ไม่มีการพิสูจน์ว่าภาพวิดีโอดังกล่าวเป็นภาพจริงหรือไม่ คนที่ได้ดูภาพส่วนใหญ่ยังคงเคลือบแคลงว่าภาพที่บันทึกได้นั้นเป็นของจริงหรือไม่
ลักษณะของบิ๊กฟุตที่รวบรวมจากผู้อ้างว่าพบเห็นคือรูปร่างคล้ายกอริลลา สูงประมาณ 9 ฟุต หนักราว 600-900 ปอนด์ หรือ 300 กว่ากิโลกรัมขึ้นไป ลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีขนดกดำยาวปกคลุมทั้งตัวยกเว้นอุ้งมือและมีขนที่เท้าเงาเป็นมัน
หลักฐานเกี่ยวกับบิ๊กฟุตที่ดูน่าเชื่อถือเป็นรอยเท้าที่พบมากกว่าหลักฐานอื่น ส่วนใหญ่จะมีขนาดยาว 16-18 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว ไม่มีส่วนโค้งที่อุ้งเท้า ส่วนส้นเท้า แบ่งเป็นลูกกลม ๆ 2 ลูก คาดว่าเกิดจากการปรับตัวเพื่อรองรับน้ำหนักตัว
บิ๊กฟุตได้รับความสนใจถึงขนาดตั้งหน่วยงานวิจัยและศึกษาเพื่อค้นคว้า เช่น The Bigfoot Field Researchers Organization (BFRO) มีการนำกล้องวิดีโอไปแอบบันทึกภาพบิ๊กฟุตในสถานที่ต่าง ๆ ที่อ้างว่าเคยมีการพบ ด้วยหวังว่าจะได้หลักฐานเพิ่มขึ้น
ในปี ค.ศ. 1997 มีผู้ถ่ายภาพวิดีโอสิ่งมีชีวิตที่เชื่อว่าเป็นลูกบิ๊กฟุต เห็นเป็นเพียงเงาดำ ๆ กระโดดจากบ่าของสิ่งที่ใหญ่กว่า เจน กูดดอลล์ นักวานรวิทยาที่มีชื่อเสียงดูแล้วลงความเห็นว่าไม่ใช่ชิมแปนซีอย่างแน่นอน
ในปี 2011 มีรายงานว่านักปีนเขาหญิงรายหนึ่งถ่ายภาพได้โดยบังเอิญ ว่าเจอสัตว์คล้ายกับไอ้ตีนโต ขณะเดินป่าสโปแคนในรัฐวอชิงตัน สัตว์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายลิงร่างใหญ่เดินผ่านไป เธอกล่าวว่าขณะถ่ายภาพนั้นไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าตัวบิ๊กฟุตกำลังเดินอยู่เบื้องหน้า จนกระทั่งนำภาพมาดูอีกครั้งในบ้านพักพบว่า พบสิ่งมีชีวิตลึกลับในป่าแห่งนี้
รายงานการพบเห็นบิ๊กฟุตได้ถี่ที่สุดคือบริเวณคาบสมุทรโอลิมปิก รัฐวอชิงตัน ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 มีผู้ค้นพบรอยเท้าของบิ๊กฟุตที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่งที่รัฐโอไฮโอถึง 122 รอย นับว่ามากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา ซึ่งรอยเหล่านี้ได้ถูกหล่อปูนปลาสเตอร์ไว้
มีทฤษฎีหลากหลายอธิบายเรื่องราวของไอ้ตีนโต ทฤษฎีแรกที่น่าสนใจคือ "Bigfoot-Giganto Theory" ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักมานุษยวิทยาและนักไพรเมทวิทยา โดยอธิบายว่า ไอ้ตีนโตคือลิงยักษ์ญาติของลิงเอปยักษ์ "Gigantopithecus" ซึ่งเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่อาจยังมีชีวิตรอดอยู่ในบริเวณห่างไกลถิ่นที่อยู่มนุษย์
อีกทฤษฎีหนึ่งคือ "ทฤษฎีโฮมินิด" ทฤษฎีนี้อธิบายว่าไอ้ตีนโตคือต้นตระกูลบรรพบุรุษของมนุษย์ที่เรียกว่าโฮมินิด (hominid) หรือมนุษย์วานรซึ่งแยกสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ของลิงเอป
สิ่งที่ยืนยันได้ว่าไอ้ตีนโตแตกต่างจากลิงเอปคือ นิ้วเท้าของลิงเอปจะใหญ่และถ่างออก แต่นิ้วเท้าของไอ้ตีนโตไม่มีลักษณะเช่นนั้น รอยเท้าของไอ้ตีนโตคล้ายกับเท้าของมนุษย์โฮโมอีเรคตัสหรือโฮโมซาเปียน ส่วนขนไม่เหมือนขนมนุษย์ ลิงเอปหรือสัตว์ชนิดใดๆ เลย จึงเชื่อว่าไอ้ตีนโตไม่ใช่มนุษย์ แต่ใกล้เคียงมนุษย์มากกว่าสัตว์ชนิดใดๆ
นักโบราณคดีบางคนเชื่อว่า ไอ้ตีนโตเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthal) บรรพบุรุษของมนุษย์โฮโมซาเปียนซึ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 250,000-50,000 ก่อนคริสต์ศักราช อย่างไรก็ตาม ปริศนาเรื่องไอ้ตีนโตยังเป็นความลับให้ต้องค้นหาต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี