ความเชื่อที่ว่าถ้าวันศุกร์ใดตรงกับวันที่ 13 แล้ววันนั้นจะกลายเป็นวันโชคร้ายเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่อยู่ในใจชาวตะวันตกมานานโดยเฉพาะชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่เห็นว่า เลข 13เป็นเลขแห่งความโชคร้าย เป็นวันที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งเชื่อกันว่าหากทำสิ่งใดจะไม่มีวันประสบผลสำเร็จหลายชาติถือว่าวันนี้คือวันโชคร้าย กรีซและสเปน ถือว่าวันที่ 13เป็นวันโชคร้ายเช่นกัน
ฝรั่งจำนวนไม่น้อยเชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจังบางคนถึงขั้นวิตกกังวลขึ้นสมอง กลายเป็น 'โรคกลัววันศุกร์ที่ 13' ที่เรียกว่า 'พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย' (Paraskevidekatriaphobia) หรือโรค 'ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย' (Friggatriskaidekaphobia)คนอเมริกันเป็นโรคดังกล่าวถึง 21 ล้านคนหรือประมาณ 8% ของประเทศเลยทีเดียว
ศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันบำบัดอาการกลัวในเมืองแอชวิลล์มลรัฐนอร์ทแคโรไลนาประเมินว่าแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ 13อเมริกาสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินถึง 800-900 ล้านเหรียญเพราะว่าบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหน
จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal ปี 1993 เรื่อง Is Friday the 13th Bad for Your Health ที่ศึกษาความสัมพันธ์ของสุขภาพ พฤติกรรมและความเชื่อทางไสยศาสตร์เกี่ยวกับวันศุกร์ 13 ในอังกฤษพบว่าเมื่อเปรียบเทียบวันศุกร์ธรรมดากับศุกร์ 13 แล้วอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันศุกร์ 13 มีมากกว่าวันศุกร์ที่ 6อย่างน่าประหลาดใจ
ผลการวิจัยพบว่าคนจำนวนหนึ่งไม่ยอมขับรถในวันศุกร์ 13 ตัวเลขคนไข้อุบัติเหตุทางรถยนต์ในโรงพยาบาลกลับเพิ่มขึ้นกว่าศุกร์'ปกติ' ถึง 52% บางการวิจัยเชื่อว่าศุกร์ 13 อาจเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่แพร่หลายมากที่สุดในอเมริกาคนบางคนไม่ไปทำงานวันศุกร์ที่ 13 บางคนไม่ยอมออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ที่แน่ๆหลายคนไม่เลือกศุกร์ 13 เป็นวันสมรสแน่นอน
เลข 13 ไม่ได้เป็นเลขอาถรรพ์หรือโชคร้ายเสมอไปในบางประเทศ เช่น ชาวอียิปต์มองว่าเลข 13 เป็นเลขมงคลโดยมีความเชื่อว่าชีวิตและวิญญาณของมนุษย์แบ่งเป็น 12 ขั้น และขั้นที่13 นั้นถือเป็นชีวิตนิรันดร์หลังความตายถือเป็นกุศโลบายของชาวอียิปต์ที่ต้องการให้คนมองว่าความตายไม่น่ากลัว
เหตุใดชาวตะวันตกถึงหวาดหวั่นต่อวันศุกร์ที่ 13 สามารถโยงไปถึงตำนานเรื่องความโชคร้ายในวันศุกร์ที่ 13นั่นคือตำนานของชาวนอร์สโบราณแถบสแกนดิเนเวียว่า ครั้งหนึ่งเทพ12 องค์จัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์เทพแห่งมหาสมุทรขณะที่งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน โลกิเทพแห่งไฟซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานพังประตูรั้วเข้ามาจึงถือว่าโลกิเป็นแขกคนที่ 13 ที่ไม่ได้รับเชิญ โลกิสั่งฮอดผู้เป็นเทพแห่งความมืดฟาดกิ่งกาฝากใส่บาลเดอร์เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นใจทันทีซึ่งเป็นเหตุให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลดนับแต่นั้นมาตัวเลข 13 จึงกลายเป็นเลขแห่งความโชคร้ายไปโดยปริยาย
แต่ทฤษฎีนี้มีผู้แย้งว่าไม่น่าจะเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ศุกร์ 13 ได้ เนื่องจากตำนานไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับวันศุกร์ไว้เลยมีข้อความยืนยันในบทกวีโลกาเซนนาต้นฉบับภาษานอร์สโบราณมีการกล่าวถึงชื่อเทพที่ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว รวมแล้วถึง 17 องค์แม้จะระบุว่าเทพโลกิเป็นผู้พังประตูรั้วเข้าไปจริง แต่ไม่ได้มีทั้งหมด 13 คนทฤษฎีนี้จึงมีความเป็นไปได้น้อยมาก
อีกทฤษฎีหนึ่งที่มีผู้เชื่อถือกันมากว่าคือเรื่องราวของผู้ร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซูวันที่พระเยซูทรงเสวยอาหารมื้อสุดท้ายหรือที่เรียกว่า The Last Supper นั้น มีผู้ร่วมโต๊ะเสวยทั้งหมด 13 คนนั่นคือรวมองค์พระเยซูและอัครสาวกทั้ง 12 คน หลังจากอาหารมื้อนั้นพระองค์ถูกจับกุมและนำไปตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ซึ่งชาวคริสต์เรียกว่าวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) ดังนั้น เลข 13และวันศุกร์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายยิ่งมาอยู่ด้วยกันแล้วยิ่งโชคร้ายเป็นทวีคูณกลายเป็นตำนานความเชื่อเกี่ยวกับศุกร์ 13 ในเวลาต่อมา
สำหรับเหตุผลที่เจาะจงว่าทำไมเป็น 'วันศุกร์' นั้นนอกจากกรณีที่ว่าพระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้วในตำราของฝรั่งยังระบุว่า 'วันศุกร์'เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษทั้งยังถือว่าเป็นวัน 'ทิป ทอด เดย์' (Tip Tod Day) หมายความว่าเป็น'วันปีศาจ'ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลในวันศุกร์
อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานใดที่บันทึกว่าชาวตะวันตกถือว่าวันศุกร์ 13 เป็นวันโชคร้ายโดยเพิ่งเริ่มมีหลักฐานในบันทึกของชาวอังกฤษราวศตวรรษที่ 18 นี่เองนอกจากนี้ยังมีการโยงเข้าสู่เหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ในช่วงการล่มสลายของอัศวินเทมพลาร์ในวันศุกร์ที่ 13 ด้วย
ในวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1307 พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสกวาดล้างอัศวินเทมพลาร์ซึ่งเป็นกลุ่มอัศวินที่ทรงอำนาจและมั่งคั่งที่สุดในยุโรปแต่เหตุผลเบื้องหลังการปราบปรามนั้นเพราะพระเจ้าฟิลิปที่ 4แห่งฝรั่งเศสเป็นหนี้มหาศาลโดยกู้ยืมจากธนาคารของเหล่าอัศวินเทมพลาร์
พอต้องการหักกลบลบหนี้เลยใช้อำนาจจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายร้อยคนด้วยข้อหานอกรีตการกวาดล้างเป็นอย่างรุนแรงเหล่าอัศวินถูกทรมานและบังคับให้รับสารภาพก่อนถูกพิพากษาให้เผาทั้งเป็นจากนั้นจึงอายัดทรัพย์ทั้งหมดเข้าท้องพระคลังฝรั่งเศส ถ้าพูดภาษาบ้านๆคงต้องถอนหายใจแล้วบอกว่า เอาที่พระองค์สบายใจเลยนะเพราะแทนที่จะใช้หนี้กลับจับกุมแล้วเผาเจ้าหนี้ทั้งเป็นอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่าจะมีการแก้เคล็ดด้วยการเรียกเลข 13ว่าเป็นเลขนำโชคหรือลัคกี้นัมเบอร์ก็ตามแต่ความหวาดกลัวเรื่องอาถรรพ์ศุกร์ 13ยังคงดำรงอยู่ในใจชาวโลกมาจนทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี