น้ำผึ้งคือสารให้ความหวานตามธรรมชาติจากเกสรดอกไม้ที่ผลิตโดยผึ้ง ให้ความหวานหอม อร่อยชื่นใจที่คนทั้งโลกให้การยอมรับ สำหรับใช้ทำเครื่องดื่ม ขนม ยา อาหารต่างๆ โดยผึ้งจะเก็บน้ำหวานจากดอกไม้มาผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเอนไซม์ในร่างกาย และการระเหยน้ำในรังผึ้ง จนได้เป็นน้ำผึ้งข้น เหนียว ซึ่งเก็บไว้ในรวงผึ้งเพื่อเป็นอาหารของนางพญาผึ้งทั้งนี้เดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติคือเดือนเมษายน เป็นฤดูแล้งซึ่งน้ำผึ้งจะเข้มข้น ไม่มีน้ำจากฝนฟ้ามาปะปน
อีกทั้งนิยมใช้เป็นตัวแทนสื่อถึงความรักอันแสนหวาน เช่น ใช้แทนการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคู่แต่งงานในบางกรณีมีการใช้สำนวน “น้ำผึ้งหยดเดียว”มีความหมายว่า “เรื่องที่มีต้นเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อย แต่กลับลุกลามใหญ่โต”
ผึ้งเป็นแมลงที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์มาก โดยปัจจุบันมีการจำแนกและระบุชนิดของผึ้งไว้แล้วประมาณ 20,000-25,000 สายพันธุ์ ทั่วโลก ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนและป่าดิบชื้นซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงเลยปรับปรุงประชากรสายพันธุ์ผึ้งเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ความเป็นมาแบบพอสังเขปของ “น้ำผึ้ง” นั้น มนุษย์เราเริ่มรู้จักและใช้น้ำผึ้งกันตั้งแต่ก่อนที่โลกเราจะรู้จักรสชาติหวานที่มาจากน้ำตาลชนิดอื่นๆ มนุษย์ได้รู้จักรสชาติแห่งความหอมหวานผ่านน้ำผึ้งเป็นอันดับแรกสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ในสมัย 5,500 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นที่นิยมมากในยุคอียิปต์โบราณ
แต่หากย้อนยุคไปจนถึงความสามารถและวิวัฒนาการของน้ำหวานของผึ้งกับดอกไม้คงต้องย้อนกลับไปนานเก่าแก่มากถึง 40 ล้านปีเลยทีเดียว(เป็นการศึกษาแกะร่องรอยของนักวิทยาศาตร์ กว่าจะรู้ที่มาที่ไป ต้องใช้เวลาทำความรู้จักนานปี)จากการสำรวจสุสานฟาโรห์ตุตันคามุน นักโบราณคดีได้พบไหน้ำผึ้งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้อย่างดี และเมื่อนำมาเคี่ยวด้วยความร้อน น้ำผึ้งในไหที่ถูกเก็บรักษามากว่า 3,300 ปี ก็พร้อมที่จะถูกทาบนขนมปังอีกครั้ง และนอกจากการปิดผนึกอย่างดีแล้ว หนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้น้ำผึ้งอยู่มาได้นานขนาดนี้โดยไม่เน่าเสียนั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่ในตัวของผึ้งแล้ว
ยังมีอีกตำนานเล่าขานว่าหลังจากการตายใน 323 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระศพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ถูกแช่ไว้ในโลงทองคำที่บรรจุน้ำผึ้งไว้เต็ม เพื่อรักษาไม่ให้ศพเน่าเปื่อยระหว่างการขนย้ายพระศพจากเมืองบาบิโลนกลับสู่เมืองมาซีโดเนีย ซึ่งกินเวลานาน 3 ปี
ยังมีบันทึกเอาไว้ด้วยว่านักกีฬาชาวกรีกในอดีต จะนิยมดื่มน้ำผึ้งก่อนลงแข่งขันกีฬาเพราะสรรพคุณของน้ำผึ้ง ช่วยให้มีพลังงาน และบรรเทาความเมื่อยล้าหรือในหลายกรณีแพทย์ชาวอียิปต์โบราณเองก็จะใช้น้ำผึ้งในการช่วยรักษาคนไข้ มีสรรพคุณที่ช่วยในการสมานแผล และฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียนั่นเอง
ข้ามมาที่ฝั่งทวีปเอเชียได้ถูกนำมาแพร่กระจาย ขยายพันธุ์ต่อประเทศจีน อินเดีย และตะวันออกกลางโดยชาวเอเชียกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าสรรพคุณที่ได้มาจากน้ำผึ้งจนเรียกได้ว่า “ยาอายุวัฒนะ” เลยทีเดียวโดยเฉพาะผึ้งสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการหาน้ำหวานจากดอกไม้ได้แพร่หลายมายังทวีปแอฟริกา และ ทวีปยุโรปที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพืชพันธุ์รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย
เราสามารถนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มของหวาน หรือแม้กระทั่งอาหารคาวได้หลากหลายสูตร เช่นใช้หมักกับเนื้อสัตว์ปิ้งย่างอบ ไอศกรีม ขนมต่างๆ ตามแต่จะสร้างสรรค์ แม้จะให้ความหวาน แต่น้ำผึ้งไม่ทำให้อ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีเรายังสามารถกินน้ำผึ้งได้ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม
น้ำผึ้งมีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายรสชาติให้เลือกตามแต่สถานที่หรือสวนผลไม้ เช่น น้ำผึ้งดอกลำไย น้ำผึ้งดอกกาแฟ น้ำผึ้งดอกคอแลน น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ และน้ำผึ้งดอกไม้ป่า ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดกลิ่นและรสชาติจากเกสรดอกไม้และพันธุ์พืชโดยกระบวนการสร้างน้ำผึ้งตามธรรมชาติของผึ้งทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีรสชาติ กลิ่น และสี ที่แตกต่างกันตามเกสรชนิดต่างๆ
ภาระของผึ้งงาน คือการบินไปเสาะแสวงหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ไปบรรจุในรวงรังทั้งวันไม่หยุดหย่อนสะสมไว้เต็มรวงรัง
เมื่อปี 2019 ประเทศไทย ผลิตน้ำผึ้งมากเป็นอันดับที่ 36 ของโลก ถือว่าเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองแค่จากเวียดนามน้ำผึ้งส่วนใหญ่จะถูกผลิตในจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือและอีสานของประเทศไทย ผึ้งในประเทศไทย มีอยู่4 ชนิด
1.ผึ้งหลวง เป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและรังใหญ่ที่สุดด้วย ลำตัวยาวประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร ท้องเป็นปล้องสีดำสลับเหลือง พบได้ตามป่าหรือชนบท สร้างรังบนที่สูงมากๆ เป็นผึ้งที่ดุและต่อยปวดกว่าชนิดอื่นผึ้งหลวงให้น้ำผึ้งดีที่สุดในเดือนเมษายนที่เรียกกันว่าน้ำผึ้งเดือนห้า
2.ผึ้งโพรง ขนาดเล็กกว่าผึ้งหลวง ท้องเป็นปล้องสีน้ำตาลสลับเหลือง สร้างรังในโพรงหรือชายคา นำมาเลี้ยงในหีบได้ ผึ้งโพรงให้น้ำผึ้งมากในฤดูที่มีดอกของไม้ผลเช่น เงาะ ทุเรียน มะพร้าว ลิ้นจี่ ลำใยบ้านเรามีการเลี้ยงผึ้งโพรงในหีบไม้ที่กระจายอยู่ตามภาคต่างๆของประเทศ และเมื่อเร็วๆ นี้เองนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าผึ้งโพรงมีความสามารถพิเศษกว่าผึ้งพันธุ์คือ มีความต้านทานต่อไรศัตรูผึ้งได้ดีมากนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับสายพันธุ์ผึ้งในบ้านเรา
3.ผึ้งมิ้ม ขนาดลำตัวเล็กกว่าผึ้งโพรง ขนาดรังก็เล็กด้วย ขนาดของผึ้งมิ้มใกล้เคียงกับแมลงวันบ้าน จึงทำให้บางทีเรียกผึ้งแมลงวัน ท้องผึ้งมิ้มเป็นสีดำสลับขาว พบผึ้งมิ้มได้ทั่วๆ ไปตามขนมหวานผลไม้สุกสร้างรังในที่ไม่ค่อยสูงนักให้น้ำผึ้งมากในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
4.ผึ้งพันธุ์ หรือผึ้งฝรั่งมีขนาดเล็กกว่าผึ้งหลวง แต่ใหญ่กว่าผึ้งโพรง เป็นผึ้งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผึ้งพันธุ์ถูกเลี้ยงในอุตสาหกรรมน้ำผึ้งมานาน ขนาดรังผึ้งพันธุ์เหมาะสมกับการเลี้ยงในหีบและเก็บน้ำผึ้งได้มาก
ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีมากมาย โดยรวมคือ
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
- ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
- ช่วยแก้อาการเมาค้าง
-ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม
- นิยมใช้ในสูตรยาโบราณเพื่อรักษาอาการไอ หรือเสริมภูมิคุ้มกัน
-มีสรรพคุณต้านแบคทีเรียและต้านการอักเสบ
-ใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
อ้างอิง
https://www.thespruceeats.com/honey-history-1807611
https://www.naturalandorganic.com/.../manuka-honey-benefits/
https://www.longtunman.com/26592
สสวท.
World Weekly News ของแคนาดา ประจำวันที่ 17 มกราคม 1995
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี