ในหนึ่งสัปดาห์ ผมจะเดินตลาดอย่างน้อย 3 วันติดนิสัยพื้นเพเป็นเด็กใกล้ตลาด และผมชอบคุยกับแม่ค้าแม่ขาย ซื้อมั่งไม่ซื้อมั่งไม่เป็นไร พวกนี้อารมณ์ขันเยอะ ปากจัดจ้าน พร้อมรบเดินกลับเข้าบ้านก็ได้ยิ้ม สำบัดสำนวนบางอย่างที่ได้ยินพวกเขาพูด ยังเอามาใช้ในงานเขียนหนังสือได้ด้วย
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเดินเข้าตลาดเหมือนที่เคย แต่ชั่วโมงนี้ไม่มีใครขำ
ตอนนี้มีแต่ ผักถูก กับ ผักแพง
ผักถูก-ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา จะตาย / ผักแพง-คนบริโภคอย่างเราๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไม่มีความสมดุลอยู่ตรงกลาง
ถ้าอุทานกับแบบหยาบๆ ก็คือ อ้าว! เฮ้ยบ้านเราไม่มีรัฐมนตรีเหลือทำงานให้พวกเราสักคนเลยเหรอ หรือจะมีแต่รัฐมนตรีพวก “พี่อ้าง” อ้างโน่นนี่นั่นตลอดเวลา?
เดี๋ยวก็จะอ้างกระเทียมแขก กระเทียมจีน ตีตลาด, อ้างข้าวญวน ข้าวแขก ข้าวจีนตีตลาด, อ้างน้ำมันขึ้น, อ้างดอลาร์ตก, อ้างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ฯลฯ บางทีเข้าตาจนจริงๆ อาจจะอ้างว่าเพราะ ลิซ่า ไม่รำไทยบนเวทีออสการ์ หรืออ้างหมูเด้งเริ่มอายุมากแล้ว มันไม่ค่อยน่ารัก ฯลฯ
และในที่สุด ก็จะอ้างว่าได้งบประมาณน้อย ไม่มีงบโปรโมท ไม่มีงบผลักดัน ไม่มีงบสนับสนุนเกษตรกร ถ้าได้งบประมาณเท่านี้เท่านั้น ถ้างบประมาณมากพอเราจะสามารถบูรณาการทุกกระทรวง และทุกอย่างก็จะสำเร็จดังที่สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา หอการค้าไทย ได้ออกแถลงการณ์ให้รัฐบาลให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา เพราะหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ ก็ออกมาตรการต่างๆ มาเป็นระลอกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของอเมริกา
ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่คิดแบบชาวบ้านว่า มาตรการหนึ่งที่อเมริกาจะนำมาใช้กับทุกประเทศที่อเมริกาขาดดุลการค้าแน่ๆ คือ การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสู่อเมริกา โดยเฉพาะประเทศที่อเมริกาขาดดุลการค้า ซึ่งมาอีหรอบนี้ประเทศไทยก็ท่าจะรอดยากจากมาตรการนี้เพราะเราเป็นหนึ่งในประเทศที่อเมริกาขาดดุลการค้าลำดับต้นๆ ผลกระทบน่าจะรุนแรง และมาจากหลายทิศหลายทาง
ข้อเสนออย่างหนึ่งของ หอการค้าไทย คือ ขอให้รัฐบาลเร่งตั้งทีมพิเศษ โดยมีภาครัฐและ “ภาคเอกชน” ที่มีอำนาจสั่งการระดับกระทรวง เพื่อวางแผนรับมือและกำหนดแผนเชิงรุกกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากนโยบายเศรษฐกิจของอเมริกา (รายละเอียดที่ หอการค้าไทย ชี้เป้าไปหาอ่านย้อนหลังกันเอาเอง)
จะขำก็ขำไม่ออก มันอึนๆ พิกล เพราะการแนะนำให้ตั้งทีมพิเศษของ หอการค้าไทย แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้ฝ่ายเอกชนไม่เชื่อถือความสามารถหรือสติปัญญาของคณะรัฐมนตรีชุดนี้แล้ว เพราะถ้ายังเชื่อถือ คงจะไม่เสนอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในทีมพิเศษ
เมื่อไปรวมกับเศรษฐศาสตร์ชาวบ้านร้านตลาดที่ผมเขียนไว้ตอนต้น ดูแล้วก็น่าท้อแท้ ไม่รู้ว่าพอมีแสงบ้างไหมที่ปลายอุโมงค์ ปัญหาท้องถิ่นยังขนาดนี้ เจอของหนักระดับเวิลด์คลาสจะทำยังไง
รัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องสามสี่คนมีใครบ้าง ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้จักแน่ ไม่ต้องไปพูดถึงฝีมือ เอาแค่รัฐมนตรีเหล่านั้นเข้ากระทรวงบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเห็นในข่าวดูเหมือนว่า พากันไปยืนเป็นเครื่องเคียงให้ลูกสาวเจ้านายตามงานโน่นนี่มิได้ขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี