หลังจากมีข่าวการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คน กลับไปยังประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ผมเดาไม่ผิดเลยว่าเดี๋ยวจะต้องมีพวกรักมนุษยชาติและเทิดทูนสิทธิมนุษยชนยิ่งชีพ แห่แหนกันออกมาโจมตีรัฐบาลของประเทศไทยอย่างแน่นอน
แล้วก็จริงอย่างที่คาดเดา แหม ทำไมซื้อลอตเตอรี่ไม่เคยถูก
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 หรือ 11 ปีที่แล้ว มีชาวอุยกูร์กลุ่มใหญ่ราวประมาณ 300 คน ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเพราะลักลอบเข้ามาประเทศไทย ถ้าใช้สำบัดสำนวนของพวกนักสิทธิมนุษยชนก็ต้องบอกว่าคนเหล่านี้หนีการประหัตประหารอย่างไร้มนุษยธรรม ถูกทรมานอย่างโหดร้ายเกินจินตนาการ และมีการเลือกปฏิบัติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน
แต่ที่พวกนักสิทธิมนุษยชนไม่เคยพูดออกมาก็คือ ชาวอุยกูร์ราวๆ 300 คนนี้เป็นผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายของราชอาณาจักรไทย
ตั้งแต่ถูกควบคุมตัวได้ชาวอุยกูร์เหล่านี้ก็ถูกกักตัวไว้ที่สถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พอเดือนกรกฎาคม 2558 ก็มีการส่งตัวกลับไปจีน 109 คน ยังไม่ได้ส่งคืนไปทั้งหมด จนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ปีนี้ จึงส่งเพิ่มไปอีก 40 คน
ทันทีที่มีข่าวว่าชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ถูกส่งตัวกลับ พรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ของไทยก็ออกมาแสดงความเห็นโจมตีรัฐบาลกันยกใหญ่ ทั้งหัวหน้าพรรค, สส. และผู้ช่วยหาเสียงอันทรงอิทธิพล ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะจะให้มาบอกว่ารัฐบาลทำถูกแล้วย่อมไม่ใช่วิสัยพรรคฝ่ายค้าน
จากนั้นก็มีเว็บไซต์สำนักข่าวหลายแห่งทั้งไทยและเทศ พากันออกมาถล่มปฏิบัติการครั้งนี้ของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนกันเป็นระลอกๆ พวกสำนักข่าวต่างชาติส่วนใหญ่ก็ขาเก่าเจ้าประจำ รอขยี้ไทยอยู่แล้ว ส่วนสำนักข่าวที่ออกมาเล่นเรื่องนี้กันใหญ่โตก็พวกหน้าเดิมๆ จนน่าสงสัยว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนหรือสื่อมวลชนกันแน่ และเกิดในเมืองไทยจริงๆหรือ
ที่ฮาคือ มีสื่อมวลชนบางพวกถึงกับร้องที่ไม่ได้รับคัดเลือกไปทำข่าวอุยกูร์ที่ประเทศจีน ความจริงน่าจะประกาศรับบริจาคค่าเครื่องบินและบินไปเอง เผลอๆได้ข้อเท็จจริงมากกว่าเจ้าหน้าที่ระหว่างรัฐต่อรัฐพาไปดูเสียอีก
แล้วก็มีองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆออกมาผสมโรง แน่นอนว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจะพลาดเรื่องนี้ไปเสียมิได้ ตีข่าวกันใหญ่โตมโหระทึก จนรู้สึกว่า การส่งอุยกูร์ 40 คนกลับเมืองจีนแบบตัวเป็นๆ จะสำคัญกว่าการสังหารโหดชาวปาเลสไตน์และลูกเล็กเด็กแดงแถวฉนวนกาซาเป็นหมื่นๆ คน
นางซาร่าห์ บรูคส์ ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ประจำที่ประเทศจีนโน่น ยังออกมาแถลงตำหนิประเทศไทยยาวเหยียด เช่นว่า
“รัฐบาลไทยควรให้ความคุ้มครองบุคคลเหล่านี้แต่กลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่พวกเขาเผชิญ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเลย”
หรือ “เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเปิดเผยที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้ และหากพวกเขายังคงถูกควบคุมตัวอยู่ รัฐบาลจะต้องรับรองว่าสิทธิของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ รวมถึงสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานหรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรม”
บางคนในองค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยที่รับเงินอุดหนุนจากต่างชาติ ก็ออกมาให้ความเห็นต่างๆ นานา ไปในทางเดียวกัน โดยกอดคัมภีร์ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสากลที่เขียนโดยฝรั่งไว้แน่น ไม่สนใจการแถลงของกระทรวงต่างประเทศและสภาความมั่นคงของไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยในนามรัฐบาลจีน แต่อย่างใด
จากนั้นไม่กี่วัน ตามสันดานมะริกันผิวขาว รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาก็ออกมาประณามประเทศไทยอย่างเปิดเผย และมีท่าทียกตนข่มท่านในเนื้อถ้อยกระทงความ และมีการออกแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศลงโทษประเทศไทยด้วยมาตรการจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่ปัจจุบันและในอดีตของไทย ที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรง
และทางอ้อมกับการบังคับเนรเทศชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน
ปกติแล้ว ผมไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้หรอก ค่อนข้างชังเสียด้วยซ้ำ แต่เพิ่งรู้สึกว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เข้าท่าเป็นครั้งแรกก็เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานี้ พ.ต.อ.ทวี บอกว่า ขอให้รอฟังกระทรวงต่างประเทศชี้แจง ประเทศไทยเรามีเอกราชและอธิปไตยของตนเอง เวลาทำเรื่องต่างๆ จะคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญอยู่แล้ว และ เราก็ได้ดูรอบด้านแล้ว
เออ นานๆ ทีถึงจะรู้สึกว่ามีเรื่องที่รัฐบาลนี้ทำอะไรเพื่อชาติบ้าง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี