เมื่อถึงเทศกาลฮาโลวีนทุกปี อเมริกันนิยมตกแต่งหน้าบ้านแนวหลอน เช่น ค้างคาวปลอม โครงกระดูกปลอม หรือสลักฟักทองแล้วใส่เทียนไข คืนฮาโลวีนมักเป็นคืนเดือนมืด ฟักทองแกะสลักที่ใส่เทียนไว้ข้างในดูน่าสยดสยองเป็นพิเศษในคืนนั้น บางบ้านแต่งบ้านด้วยซากศพหรือโลงศพปลอม เอาไว้ขู่เด็กที่มาเคาะประตูหน้าบ้านขอขนม
หากพร้อมเล่นสนุกในเทศกาลนี้ เจ้าของบ้านต้องเปิดไฟหน้าบ้านไว้เป็นสัญลักษณ์หรือไม่ก็ตกแต่งหน้าบ้านด้วยฟักทองแกะสลักที่เรียกกันว่าแจ็ค โอ แลนเทิร์น ( Jack O’ Lantern) ช่วงค่ำผีน้อยผีใหญ่แวะมาเยือนบ้านไม่ขาดสาย พร้อมตะโกน Trick or treat
มีเรื่องเล่าในวันฮาโลวีนว่าบ้านหลังหนึ่งแต่งบ้านได้น่ากลัวที่สุดละแวกนั้น มีการเอาศพปลอมมาแขวนไว้หน้าบ้าน ศพที่ห้อยต่องแต่งหน้าบ้านเหมือนศพผูกคอตายแล้วเหี่ยวแห้งไปเองดูสมจริงที่สุด แถมมีกลิ่นเน่าๆ อีกต่างหาก เด็กๆ ที่วิ่งเล่นแถวนั้นก่อนวันฮาโลวีนแทบไม่กล้าเหลือบมองศพปลอมนั่นกันเลยทีเดียว
พอถึงคืนฮาโลวีน เด็กๆ เคาะประตูหน้าบ้านเพื่อขอขนม ขณะที่กำลังแจกขนม ร่างที่ห้อยอยู่ก็หล่นโครมลงมา เศษเนื้อเน่าๆ เปรอะหนอนสีขาวกระเด็นทั่วบริเวณ เด็กๆร้องกริ๊ดสุดเสียงแล้วเผ่นหนีไม่คิดชีวิต
หลายคนอาจคิดว่านี่คือเรื่องเล่าข่มขวัญเด็กในช่วงฮาโลวีน แต่เรื่องนี้คือเรื่องจริง เกิดขึ้นในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในปี ค.ศ.2005
วันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2005 พบศพหญิงนิรนามอายุ 42 ปีสภาพแขวนคอตายในสวนสาธารณะที่ฟลอริดา เดลาแวร์ ศพนั้นห้อยเหนือพื้นดิน 15 ฟุตนานหลายชั่วโมงแต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมารวมทั้งพวกวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะแห่งนั้นไม่ได้ตระหนกตกใจกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นช่วงใกล้วันฮาโลวีนที่ทุกบ้านและสถานที่ทุกแห่งประดับตกแต่งสถานที่ของตนด้วยสิ่งของสยองขวัญต่างๆ
ผู้คนที่สัญจรไปมาในสวนเห็นศพนั้นหลายราย แต่ไม่มีใครคิดว่านั่นคือศพจริง แต่แล้วเพื่อนบ้านก็เกิดสงสัยขึ้นมา เพราะศพดูหลอนเกินกว่าจะเป็นของปลอม เลยใช้กล้องส่องทางไกลดู และพบว่าร่างนั้นคือร่างจริงของหญิงวัยกลางคนรายหนึ่ง จึงโทรตามตำรวจมาชันสูตร
เรื่องที่มีการอาศัยเทศกาลมาพรางตาเนียนซ่อนศพเอาไว้ ยังเคยเกิดขึ้นอีกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 เมื่อพบศพชายชราชื่อมุสตาฟา โมฮัมเหม็ด ซาเยต วัย 75 ปี บนระเบียงบ้านในแคลิฟอร์เนีย
เมื่อตำรวจมาถึงบ้านเกิดเหตุ เพื่อนบ้านต่างพากันบอกว่าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย เพราะนึกว่าเป็นของตกแต่งวันฮาโลวีน จากการสืบสวนของตำรวจพบว่าชายชราตายมาสามวันแล้ว แถมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมเพราะถูกยิงจ่อตาจนเสียชีวิต
ดังนั้นพอถึงเทศกาลฮาโลวีน จะต้องตรวจดูหน้าบ้านตัวเองบ่อยๆ ว่ามีใครเอาศพมายัดเป็นเครื่องประดับบ้านบ้างหรือเปล่า การที่นำศพมาเนียนเป็นเครื่องประดับบ้านแบบนี้เป็นเรื่องตลกร้ายที่หัวเราะไม่ออกเอาเลยทีเดียว แถมเป็นฝันร้ายที่ติดตรึงไปอีกนาน สร้างความหวาดผวาแก่เด็กๆที่มาร่วมเทศกาลฮาโลวีนด้วย
เรื่องหลอกซ้อนหลอนยังไม่จบเพียงเท่านี้ ย้อนไปในปี ค.ศ. 1851 เวอร์จิเนีย เเมคโดนัลด์อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในนิวยอร์กซิตี้ ต่อมาเสียชีวิตลง จึงถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด ย่านบรู๊คลินในนิวยอร์ค หลังจากพิธีฝังศพผ่านไป แม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตาย แถมพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนรอบข้างคิดว่าเธอโศกเศร้าถึงลูกสาวจนเสียสติไปแล้ว
แม่พร่ำพูดจนครอบครัวทนไม่ไหว เลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ดู จะได้หายจากอาการพูดซ้ำซากว่าลูกสาวตนนั้นยังไม่ตาย เมื่อเปิดโลงออกมา ปรากฏว่าศพของเวอร์จิเนียนั้นยังไม่เน่า
เธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียกตะกาย ทั้งสองมือของเธอเต็มไปด้วยรอยตะกายฝาโลง แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลงและขาดใจตายจริงๆ ในที่สุด
หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ หลายโลงถูกนำมาตรวจสอบพบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก เรื่องจริงเหล่านี้ทำให้ไม่แน่ใจว่าควรกลัวอะไรมากกว่ากันระหว่างผีหรือคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี