เห็ดเยื่อไผ่
เห็ดที่นุ่งกระโปรง
เห็ดกระโปรงยาว
ชาวจีนในอดีตรู้จักเห็ดเยื่อไผ่ นับเป็นหนึ่งในเจ็ดส่วนผสมของยาอายุวัฒนะที่จัดเป็นโอสถสำหรับเสวยของฮ่องเต้ในราชวงศ์ชิง โดยเห็ดนี้จะถูกส่งจากมณฑลยูนนานนำมาถวายฮ่องเต้ ต่อมาชาวจีนนิยมนำมาเป็นอาหารบำรุงร่างกายตามตำรายาจีน ด้วยเชื่อว่าส่วนหมวกบนสุดของเห็ดเยื่อไผ่สามารถนำไปผลิตเป็นยาบำรุงเพศของม้าได้ ช่วยให้ม้าผสมพันธุ์ได้ดีขึ้น ส่วนตามตำรับยาที่ใช้ในคน ตามตำรายาจีนใช้เห็ดชนิดนี้เป็นยาบำรุงร่างกายเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากท้องเดิน รักษาโรคความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับ โรคที่เกี่ยวข้องกับไต ตา ปอด และเป็นหวัด นอกจากนี้ยังใช้เป็นตัวป้องกันการบูดเสียของอาหารจากจุลินทรีย์ (microbial spoilage) ได้
สมัยหนึ่งคงจะมีผู้ไปทดลองชิมที่ฮ่องกงรู้สึกแปลกลิ้นจึงเป็นผู้เริ่มต้นนำเข้ามาประกอบอาหารในประเทศ ซึ่งน่าจะราว 40 -50 ปีก่อน (ผู้เขียนสันนิษฐานจาก หัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน โดย ป.อินทรปาลิต โดยอาเสี่ยกิมหงวนพ่อค้าผู้ร่ำรวยแห่งพาหุรัด มักจะพาเพื่อนเกลอไปดื่มกินที่ภัตตาคารหยาดฟ้าหรือห้อยเทียนเหลา เป็นร้านจีนอันดับหนึ่งของประเทศไทยเราในตอนนั้น มักจะกล่าวถึงเมนูหูฉลาม เป็ดย่าง ลูกชิ้นกุ้งผัดผักโสภณ ไข่ดัน ไก่น้ำแดง ฯลฯ โดยไม่เคยเอ่ยถึงเห็ดเยื่อไผ่เลย)
เห็ดกระโปรงสั้น
ต่อมาผู้ได้ลองชิมในน้ำแกงหนแรกที่ภัตตาคารจีนชั้นดี ก็รู้สึกว่าอร่อยแปลก เมื่อเคี้ยวมีสัมผัสเหมือนฟองน้ำกรอบสากๆ ลองไปหาซื้อที่เยาวราชตอนนั้นยังไม่มีผู้นำเข้า ต่อมาเริ่มมีขายเป็นเห็ดแห้งห่อเป็นมัดในราคาไม่แพงนัก เมื่อเอามาแช่น้ำให้พองตัวต้องตัดกระโปรงเห็ดที่รุ่ยร่ายทิ้งเหลือแต่ส่วนต้น ตัดขนาดพอคำ ใช้ต้มเป็นส่วนประกอบเครื่องแกงจืดกับยาจีนอ่อนๆ เมื่อสุกมีกลิ่นจางๆ น้ำแกงมีรสชื่นใจแล้วใช้ปรุง จนปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วประเทศ แม้กระทั่งร้านข้าวต้มพุ้ยมักมีในหม้อตุ๋นกับกระดูกหมูและเครื่องยาจีน ใส่ในโถเป็นชุดอุณหภูมิร้อนจัดแทบลวกปากพอง ในภัตตาคารระดับหรูบางแห่งสร้างสรรค์เป็นรายการที่แตกต่าง เช่น ยัดไส้แอสพารากัสนึ่งน้ำแดง เป็นต้น บางครั้งนิยมใช้ประกอบในสำรับในช่วงกินเจ
ดังได้กล่าวข้างต้นว่าชาวจีนรู้จักนำเห็ดชนิดนี้มาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ประมาณ 3,000 ปีก่อนเ ป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการเพาะเลี้ยงเห็ด “เยื่อไผ่” ออกจำหน่ายไปทั่วโลก โดยพบเห็ดนี้ 9 ชนิด แต่ที่กินได้เพียง 4 ชนิด ใช้เป็นส่วนผสมในยา รวมทั้งนำมาปรุงอาหาร ด้วยความเชื่อว่าสามารถลดคอเลสเตอรอล และป้องกันโรคต่างๆ ได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพบว่าสามารถใช้เป็นส่วนผสมน้ำมันนวดแก้โรคเกาต์และรูมาติซึมได้ บางประเทศแถบเอเชียนิยมกินเห็ดตากแห้ง โดยชงกับน้ำร้อนแล้วสามารถดื่มได้ทันที อย่างไรก็ตามแม้ว่าเห็ดเยื่อไผ่จะสามารถนำมาปรุงอาหารอร่อยได้หลายอย่างแต่ก็ไม่ควรกินมากหรือบ่อยเกินไป เพราะมีการตรวจพบสารฟอกขาวในเยื่อไผ่ หากกินบ่อยๆ อาจมีผลกระทบต่อร่างกายของเรา
เห็ดแห้งมีขายตามตลาดทั่วไป
คนหาเห็ดป่า
แปลงเลี้ยงเห็ด
มีสุดยอดนักวิจัยไทย คือ ดร.วรวิกัลยา เกียรติ์พงษ์ลาภ นักวิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ผู้เชี่ยวชาญเห็ดได้วิจัยพบว่า เห็ดเยื่อไผ่สายพันธุ์จีนกระโปรงยาวสีขาวของไทยเราอุดมไปด้วยสารสำคัญมากมาย เหมาะสำหรับการนำไปเป็นวัตถุดิบเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ทั้งในวงการอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และรวมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่สามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติทัดเทียมกับเยื่อเมือกหอยทาก ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเห็ดเยื่อไผ่อีกด้วย โดยประโยชน์ดังกล่าวสอดรับกับกระแสรักษ์โลกและรักสุขภาพที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั่วโลก ทีมงานจะต่อยอดงานวิจัยดังกล่าวให้สามารถใช้ประโยชน์จากเห็ดได้อย่างแท้จริง โดยขณะนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เพาะเลี้ยงเห็ดเยื่อไผ่เพื่อเป็นต้นแบบไว้เป็นจำนวนมาก และเตรียมสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่แห่งประเทศไทยทำแปลงเพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่ให้มีผลผลิตสูง เพื่อรองรับการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และรวมถึงเวชสำอาง ช่วยให้เกิดอาชีพใหม่ๆ จนมีการปลูกและจำหน่ายไปทั่วประเทศ
เนื่องจากเป็นเห็ดเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ และสามารถดูดซับรสชาติได้ดี กุ๊กชาวไทยได้คิดค้นนำไปใช้ประกอบอาหารหลายชนิด จนบรรดาร้านข้าวต้มริมทางต้องมีนึ่งน้ำซุปไก่หรือซุปสมุนไพร ยัดไส้น้ำแดง บางครั้งใส่เนื้อสับ กุ้ง หรือเต้าหู้ หม้อไฟ ดูดซับน้ำซุปได้ดีเยี่ยม ทำให้อาหารดูน่ากินยิ่งขึ้น
เห็ดเยื่อไผ่สอดไส้หน่อไม้ฝรั่ง
ซุปเห็ดต้ม
ซุปเห็ดต้มเครื่องยา
คุณค่าทางโภชนาการ
ในประเทศจีนมีเห็ดประเภทนี้ 9 ชนิด กินได้เพียง 4 ชนิด ส่วนที่ภาคอีสานในประเทศไทย พบ 5 ชนิด คือ เห็ดร่างแหกระโปรงยาวสีขาว (Dictyophora indusiata) เห็ดร่างแหกระโปรงสั้นสีขาว (Dictyophora duplicata) เห็ดร่างแหกระโปรงเหลือง (Dictyophora multicolor) เห็ดร่างแหกระโปรงส้ม (Dictyophora multicolor) และเห็ดร่างแหกระโปรงแดง (Dictyophora rubrovolvata) แต่มีเพียง 2 ชนิดเท่านั้นที่สามารถรับประทานได้ คือ เห็ดร่างแหกระโปรงสั้นสีขาว และเห็ดร่างแหกระโปรงยาวสีขาว ส่วนเห็ดร่างแหชนิดอื่นๆ มีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้
เห็ดเยื่อไผ่มีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างสูง มีโปรตีน (Nx6.25) 15-18% มีกรดอะมิโนถึง 16 ชนิด จากกรดอะมิโนที่มีทั้งหมด 20 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ ซึ่งใน 16 ชนิดนี้ มี 7 ชนิดที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ (essential amino acid) และมีไรโบฟลาวิน (riboflavin) หรือวิตามินบี 2 ค่อนข้างสูง จากการสกัดสารจากเห็ดร่างแหพบสารที่สำคัญ 2 ชนิด คือ พอลิแซ็กคาร์ไรด์ และไดโอไทโอโฟริน เอและบี ซึ่งเป็นสารที่พบยากมากในสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ได้มีการทดสอบสมบัติของสารไดโอไทโอโฟริน เอและบี ทางเภสัชวิทยาพบว่าสารกลุ่มนี้เป็นตัวช่วยในการปกป้องระบบประสาทไม่ให้ถูกทำลายจากสารพิษ มีผลต่อการต้านการอักเสบ และต่อต้านการเกิดเนื้องอก และนอกจากนี้ยังพบว่ามีน้ำตาลที่สำคัญ เช่น mannitol และมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ทำให้เห็ดเยื่อไผ่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายสูง
ทั้งนี้ชาวจีนสามารถทำการเพาะเลี้ยงเป็นการค้าส่งขายทั่วโลกได้เพียง 2 ชนิดขั้นต้นดังกล่าว คือพันธุ์ Dictyophoraindusiata Fisch และ Dictyophoraechinovolvata Zang สำหรับ2 สายพันธุ์ที่มีการเพาะเลี้ยงนี้ได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์มาเป็นเวลานานมากกว่า 50 ปี และมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงจนก้าวหน้า ในขณะที่มีหลายประเทศเป็นที่น่ายินดีสำหรับไทยเราก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงเห็ดชนิดนี้เช่นกัน
เห็ดนุ่งกระโปรงสั้น
คลุมก้านเห็ดเป็นกระโปรง
เห็ดกระโปรงยาว
อ้างอิง
ดร.วรวิกัลยา เกียรติ์พงษ์ลาภ
All Magazine/ คอลัมน์กินแกล้มเล่า/ กรฎาคม 2020
ภาพ
Wikipedia
มีรัติ รัตติสุวรรณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี