การที่อดีตประธานาธิบดีปากแจ๋ว โรดริโก ดูแตร์เตถูกรวบตัวกลางสนามบินในประเทศตัวเองหนนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร หลักๆแล้วมาจากเงื่อนไขสองประการ ประการแรกคือเรื่องการเมืองภายในประเทศ หรือพูดให้ชัดๆ คือศึกระหว่างสองตระกูลคือตระกูลดูแตร์เตและตระกูลมาร์กอส ประมาณเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เป็นเรื่องการแบ่งเค้กไม่ลงตัวนั่นเอง
ส่วนประการที่สองคือการล้วงลูกเข้ามาชักใยการเมืองผ่านรัฐบาลฟิลิปปินส์ของมหาอำนาจโลก ถือเป็นเกมข้ามชาติและเกมการเมืองในฟิลิปปินส์ผสมกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
งั้นมาดูทีละประเด็นว่าทำไมเกมนี้ถึงเป็นทั้งศึกในและศึกนอก ประการแรกเป็นศึกในบ้าน คือความขัดแย้งระหว่างตระกูลดูแตร์เตและตระกูลมาร์กอส การส่งตัวอดีตประธานาธิบดีดูแตร์เตไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่กรุงเฮกคือการจัดไฟต้นลมอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปตอนที่ดูแตร์เตลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี ไม่สามารถลงสนามเลือกตั้งอีกรอบได้ จึงส่งลูกสาวคือซารา ดูแตร์เต มาเป็นตัวตายตัวแทน แต่บารมียังไม่ถึง สุดท้ายเลยต้องฮั้วกับเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์หรือบองบองจากตระกูลมาร์กอส โดยให้มาร์กอส จูเนียร์ ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และซารา ดูแตร์เต เป็นรองประธานาธิบดี เพื่อที่การเลือกตั้งครั้งถัดไปในปี 2028 ซาราจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ภายใต้การหนุนหลังจากตระกูลมาร์กอส
มาร์กอส จูเนียร์ และซารา ดูแตร์เต จับมือกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2022 อย่างถล่มทลาย จะว่าไปก็วิน-วินทั้งคู่ ตอนแรกดูแตร์เตโล่งใจว่าการอุ้มสมปรองดองของสองตระกูลจะไม่ทำให้ตนเองโดนเล่นงานย้อนหลัง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น รอยร้าวระหว่างสองตระกูลเริ่มปรากฎให้เห็น เมื่อซาราขอตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมแต่ถูกปฏิเสธ และได้เป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการแทน
ช่วงการแต่งตั้งประธานสภาผู้แทน ต่างฝ่ายพยายามดันคนของตัวเองเข้าไปในสภา ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลดูแตร์เตและมาร์กอสเลวร้ายถึงขีดสุด เมื่อซารา ดูแตร์เต รองประธานาธิบดีบอกนักข่าวว่าได้สั่งนักฆ่าให้ไปสังหารประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ หากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก
สภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ยื่นถอดถอนซาราพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งวุฒิสภาจะเป็นตัดสินในปีนี้ หากซารา ดูแตร์เต ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้ไม่สามารถรับตำแหน่งอาวุโสทางการเมืองได้อีก นั่นคือดับฝันการเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ และเท่ากับว่าตระกูลดูแตร์เตถูกตัดมือตัดตีนจนหมดสิ้น
แต่ก่อนฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าศาลโลก แต่พอโรดริโก ดูแตร์เตเป็นประธานาธิบดีก็นำฟิลิปปินส์ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2019 หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถอนตัวจากการเป็นสมาชิกแล้ว แต่ยังโดนศาลโลกรวบตัว กรณีนี้ศาลโลกอ้างว่าช่วงที่อดีตประธานาธิบดีดูแตร์เตถูกตำเนินคดี คือการย้อนหลังไปในช่วงที่ยังอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ซึ่งเวลานั้นฟิลิปปินส์ยังเป็นสมาชิกศาลโลกอยู่
งานนี้บอกได้เลยว่ารัฐบาลของบองบองเองนั่นแหละที่ชงหวานให้ศาลโลกเชือดดูแตร์เต โดยอ้างว่าศาลฟิลิปปินส์ไม่มีความยุติธรรมพอที่จะวินิจฉัยคดีที่ดูแตร์เตได้กระทำในอดีต บองบองออกมาประกาศชัดเจนว่าจะให้ความร่วมมือทุกทางกับศาลโลก โถ.. ทำเหมือนเป็นคนดี ตระกูลบองบองเองก็มือเปื้อนเลือดไม่ต่างกัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมดูแตร์เตถึงโดนรวบตัวทันที แถมรีบส่งตัวไปแบบด่วนๆ ที่ต้องรวบรัดเพราะฐานเสียงดูแตร์เตมีไม่น้อยในประเทศ ไม่น่าแปลกใจหรอก คนที่ทันยุคตระกูลมาร์กอสและตระกูลอาร์คีโน จะรู้ว่าประเทศนี้เล่นการเมืองแรงแบบถึงเลือดถึงเนื้อแบบให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
ประการที่สองที่บอกว่าเป็นศึกนอก นั่นคือการชักใยการเมืองฟิลิปปินส์โดยประเทศมหาอำนาจ ความแตกต่างด้านนโยบายต่างประเทศของตระกูลดูแตร์เตกับตระกูลมาร์กอสนั้นแตกต่างกันลิบลับ ดูแตร์เตไม่ยอมเดินตามตูดชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ทั้งที่ฟิลิปปินส์นั้นทำตัวเหมือนหมาน้อยบนตักลุงแซมมาตั้งแต่ยุคเฟอร์ดินาน มาร์กอสผู้พ่อ แถมดูแตร์เตหันไปมีความสัมพันธ์กับจีน อีกทั้งเน้นย้ำกับจีนว่า ปัญหาภายในภูมิภาคเอเซียควรจัดการกันเอง ไม่ควรเรียกฝรั่งเข้ามาวุ่นวายด้วย โดยเฉพาะปัญหาทะเลจีนใต้ เวลาปราศรัยหรือพูดถึงบรรดาผู้นำต่างชาติ โดยเฉพาะอเมริกา ดูแตร์เตมักจะใช้คำหยาบจิกกัดเสมอ แสดงถึงความไม่เกรงใจผู้นำชาติตะวันตกมาตลอด
จะว่าไปชาวบ้านแถบดาเวาชอบดูแตร์เต เพราะความถึงลูกถึงคน ประกาศตัวเป็นหัวหอกในการกวาดล้างไล่ล่าขบวนการยาเสพติด เรื่องนี้แหละที่ลุงแซมรีบยัดข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที อย่างที่ชอบทำกับประเทศอื่นทั่วโลก โดยไม่เคยมองตัวเองว่าซุกอะไรไว้ใต้พรม อย่างคุกกวนตานาโม่ ซึ่งเป็นคุกที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นสุดของอเมริกาที่ลุงแซมแกล้งทำเป็นลืม ดูแตร์เตเลยกลายเป็นไอ้วายร้ายในสายตาของลุงแซม
ส่วนประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ มีนโยบายแตกต่างกับดูแตร์เตอย่างชัดเจน บองบองนำฟิลิปปินส์กระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะเดินตามรอยเท้าพ่อเป๊ะๆ แถมสร้างปมขัดแย้งตึงเครียดกับจีนในประเด็นพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ให้ประทุขึ้นมาอีก รวมถึงหยุดการปราบปรามยาเสพติดอย่างบ้าระห่ำของดูแตร์เต
บองบองเดินนโยบายไม่ต่างไปจากพ่อตัวเองคืออิงตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาอย่างเหนียวแน่น ทำตัวเป็นลูกหมาน้อยน่ารักบนตักลุงแซม จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมดูแตร์เตถึงโดนลุงแซมและชาติตะวันตกฟาดก้นเต็มแรง ในขณะเดียวกันบองบองก็หมดเสี้ยนหนามทางการเมือง สันดานลุงแซมเป็นแบบนี้มานานแล้ว ใครให้ผลประโยชน์มากกว่าหรือแบ่งเค้กลงตัวก็ซูเอี๋ยกับฝ่ายนั้น อย่าลืมว่าฟิลิปปินส์คือฐานทัพของลุงแซมมานาน ยิ่งตอนนี้คำรามใส่พญามังกรโฮกๆ เลยต้องอี๋อ๋อกับฟิลิปปินส์ ภายใต้รัฐบาลของบองบองผู้อิงชาติตะวันตกเป็นพิเศษ
การจับกุมดูแตร์เตเป็นผลดีต่อตระกูลมาร์กอส เพราะฟิลิปปินส์จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้ การที่ดูแตร์เตถูกส่งไปกรุงเฮกทันที นั่นคือการป้องกันไม่ให้ดูแตร์เตช่วยวุฒิสมาชิกฝ่ายตนหาเสียงเลือกตั้ง ตอกตะปูโลงปิดโอกาสไม่ให้กลับมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวาอีกครั้ง หากวุฒิสภาลงมติถอดถอนซารา ดูแตร์เต สำเร็จ นั่นคือการกำจัดอำนาจทางการเมืองของตระกูลดูแตร์เต ทำให้อำนาจทางการเมืองของฟิลิปปินส์ตกไปอยู่ในมือของตระกูลมาร์กอสเต็มร้อย
ส่วนศาลโลกที่กรุงเฮกนั้นดูไร้น้ำยาเต็มที เพราะบางกรณีประกาศออกไปก็เท่านั้น เจ้าตัวผู้ถูกกล่าวหามิได้แคร์ใดๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ กรณีนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูแห่งอิราเอล และปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ยังลอยนวลไปมา โดยศาลโลกได้แต่ทำตาปริบๆ คราวนี้เลยฟอร์มเข้มไล่ล่าดูแตร์เตอวดชาวโลก
ย้อนประวัติศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าศาลโลกแล้วจะพบว่ามีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (UN) พูดชัดๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า ศาลโลกคือเครื่องมือของชาติตะวันตกในการเอาไว้บีบไข่ชาติอื่น ไม่เชื่อดูประวัติศาสตร์ของศาลโลกได้เลยว่ามีการใช้องค์กรนี้เล่นงานชาติเล็กๆ อย่างเช่นชาติในแอฟริกามาตลอด แต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่ผู้นำชาติตะวันตกก่อกรรมทำเข็ญกับชาติอื่น องค์กรนี้ที่แท้คือมือไม้ขององค์การสหประชาติ แล้วเท่าที่ผ่านมาบรรดาหัวหอกในองค์การสหประชาชาติก็คือชาติตะวันตกนั่นเอง
ประเด็นน่าสังเกตอีกประเด็นหนึ่งคือ ตัวคาริม ข่าน ซึ่งเป็นหัวหน้าอัยการศาลโลก ก็ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องเต็มร้อย เพราะโดนกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้ช่วยของตน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ The Manila Times
The Manila Times วิเคราะห์ว่า การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเมื่อปีกลายคือการดิ้นรนที่จะรักษาตำแหน่งของตนไว้ ทำให้เกิดข้อกังขาว่าการรวบตัวอดีตประธานาธิบดีดูแตร์เตครั้งนี้ก็เช่นกัน คือพยายามรักษาเก้าอี้และภาพพจน์ของศาลโลก เคสที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่ไม่สามารถนำตัวปูตินกับเนทันยาฮูมาพิพากษาคดีได้คือความล้มเหลวของศาลโลก ทำให้ถูกมองว่าไม่มีน้ำยา สื่ออังกฤษถึงกับขนานนามคาริม ข่านว่าเป็นผู้พิพากษาที่อื้อฉาวแปดเปี้อน ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศว่า หากศาลโลกบังอาจมาวอแวกับเนทันยาฮู จะประกาศห้ามไม่ให้คาริม ข่านและครอบครัวเข้าอเมริกา แถมจะระงับเงินในบัญชีด้วย
ความไร้น้ำยาของศาลโลกปรากฎให้เห็นอยู่เสมอ ส่วนมากชาติตะวันมักเพิกเฉยต่อคำพิพากษาของศาลโลก หากชาติตนเสียเปรียบ เช่น กรณีศาลโลกตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้อเมริกายุติการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับด้านมนุษยธรรม เพราะละเมิดสนธิสัญญาไมตรีระหว่างอิหร่านกับอเมริกา โดยสั่งให้รัฐบาลวอชิงตันยกเลิกมาตรการลงโทษอิหร่าน แต่รัฐบาลวอชิงตันเมินเฉย และไม่ยอมทำตาม
ยกตัวอย่างอีกเคสหนึ่งก็แล้วกัน นิการากัวกล่าวหาอเมริกาว่าสนับสนุนกบฏคอนทราสก่อการร้ายด้วยการให้วางทุ่นระเบิดรอบๆ อ่าวนิการากัว ศาลโลกพิพากษาว่าอเมริกาละเมิดสนธิสัญญาและกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ที่ต้องไม่แทรกแซงและละเมิดอธิปไตยของรัฐอื่นและให้ชดใช้ค่าเสียหาย
แต่อเมริกาไม่แคร์และไม่ชดใช้ใดๆ สุดท้ายนิการากัวรำคาญเลยถอนคำร้องออกไปเอง อเมริกานี่แหละที่คือประเทศที่ฉีกคำพิพากษาศาลโลกมาตลอด เคยขู่จะดำเนินการคว่ำบาตรและจะเลิกสนับสนุนศาลโลกทุกครั้งที่ตนเสียผลประโยชน์ ชาวโลกจึงรู้เช่นเห็นชาติว่าศาลโลกไม่ใช่องค์กรสำหรับชาวโลกอย่าแท้จริง แต่เป็นแค่เครื่องมือในเกมการเมืองระหว่างประเทศสำหรับชาติมหาอำนาจเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี