นับจากแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ขณะนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ก็ 10 วันเข้าไปแล้ว นั่นหมายความว่า โอกาสของผู้ที่จะรอดชีวิตภายใต้ซากตึกที่ทับถมลงมาแทบจะเป็นศูนย์ ถ้าจำไม่ผิดติดค้างอยู่ราว 70 กว่าคน
จากการติดตามข่าวสาร การแถลงข่าว และการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายต่างๆ และการเสนอข้อมูลทางสื่อโซเชียลของบรรดาผู้มีจิตอาสาเข้าไปช่วยในพื้นที่ พอจะบอกได้ว่า มีปัญหาในเรื่องปฏิบัติการมากมาย หลายกลุ่มที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันโดยไม่หวังเงินทองหรือผลตอบแทนรู้สึกสับสนกับแนวทางและการตัดสินใจ รวมถึงยังมีคนที่ฉกฉวยผลงานของคนอื่นไปเป็นของตนเอง
จิตอาสาหลายรายถึงกับถอนตัวออกจากพื้นที่ เพราะรับไม่ได้กับวิธีจัดการของกรุงเทพมหานคร พวกที่มีต่อมความอดทนแข็งแรงหน่อยก็ยังก้มหน้าก้มตาช่วยเหลือต่อไป เพราะเห็นแก่มนุษยธรรม
คนรักสัตว์บางกลุ่มเอาเต็นท์ติดเครื่องทำความเย็นไปเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนของหมา เค9 ก็ถูกยึดเอาไปเป็นที่พักและนั่งประชุมของคนเสียอย่างนั้น โดยไม่ดูเจตนารมณ์คนช่วย มืออาชีพด้านรื้อถอนเสนอปฏิบัติการที่เขาเคยทำได้มาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 หลังเหตุการณ์ ก็ไม่ได้รับพิจารณาจนเวลาล่วงเลยไปหลายวัน และอีกหลายๆ เรื่องที่สะท้อนความไม่เข้าใจ หรือไม่ใส่ใจ?
ยิ่งกว่านั้น ที่ผมเห็นว่าแย่มากคือ การปล่อยให้รถวิ่งไปมาบนถนนที่คั่นอยู่ระหว่างด้านหลังสวนจตุจักรกับที่เกิดเหตุ ซึ่งสิ่งที่ควรจะเป็นคือปิดถนนเส้นนั้นเลย เพราะยังมีการทำงานและผู้ปฏิบัติการอีกมากอยู่ตรงนั้น เร่งประกาศสถานการณ์ปกติในขณะที่ยังไม่ปกติ
แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่ออกทางสื่อหลักสักเท่าไหร่ ฝ่ายกองอวยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ยังอวยกันเป็นสามารถ แถมยังกล่าวหาคนที่ไม่เห็นด้วยว่ามีอคติไปโน่น
สถาบันเกี่ยวกับธรณีวิทยาระดับโลกเคยคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 ว่าแผ่นดินไหวทั่วโลกจะเกิดถี่มากขึ้น และเกิดในระดับที่ตื้นขึ้น ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้าแผ่นดินไหวระดับที่หนักกว่านี้ และเกิดขึ้นตอนที่ยังมีผู้ว่าฯคนนี้สามารถกลับมาได้อีกสมัยสภาพมันจะเป็นยังไง
แต่เอาเถอะ คนตั้งล้านกว่าเลือกเขามาแล้ว เราก็ต้องยอมรับกติกานั้น
จากผู้นำมหานคร หันมาดูผู้นำประเทศบ้าง
ขณะที่รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีขาเข้าสินค้าจากประเทศไทยเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ โทษฐานที่เป็นประเทศได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นปุบปับ ทรัมป์ ประกาศตั้งแต่ตอนหาเสียงแล้วว่าจะต้องทำ และหลังจากได้รับเลือกตั้งก็ประกาศอีกเป็นนโยบายลำดับแรกๆ ด้วยซ้ำ
แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยภายใต้การชี้นำของใครบางคน ยังงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก เพิ่งจะมาตั้งคณะกรรมการอะไรขึ้นมาสักชุด ประกอบด้วยคนที่ไม่ได้รับความเชื่อถือจากภาคเอกชน รัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้แสดงสัญญาณอะไรออกมาที่จะบ่งบอกว่ามีความสามารถแก้ไขปัญหา กลายเป็นพวกเก่งแต่ปาก และกลับยิ่งเร่งผลักดันร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่สอดแทรกกาสิโนไว้ในนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรของประเทศไทย หรืออะไรดลบันดาลให้คนไทยจำนวนหนึ่งตัดสินใจเลือกนักการเมืองเหล่านี้มากำหนดชะตากรรมประชาชน นักการเมืองที่คิดถึงแต่ผลลัพธ์ทางการเมืองและผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของแผ่นดิน ถ้าคนเหล่านี้เก่งกาจฉลาดล้ำจริง คงไม่ต้องมีคดีติดคุกติดตะรางเพราะทุจริต คงไม่ต้องเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ ร่ำร้องหาทางกลับบ้านวันละ 3 เวลา
ที่ผมใช้คำว่า “ดลบันดาล” แม้จะไม่ใช่สายมู หรือสายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะผมจนปัญญาไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบาย แต่ที่แน่ๆ ผมรู้สึกว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนเราตัดสินใจถูกต้องเสมอไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี