ไม่ใช่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสหรอกที่ค้นพบอเมริกา ในปี คศ.1492 เพราะแผ่นดินนี้มีผู้อาศัยอย่างสงบสุขมานานนับพันปีแล้ว แต่โศกนาฎกรรมเริ่มต้นขึ้นเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเดินทางมาถึง ทำให้ชาวยุโรปหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อชาวยุโรปอพยพเข้ามาในอเมริกามากขึ้นย่อมต้องการที่ทำกินเพิ่มขึ้นจนกระทบกระทั่งกับอินเดียนแดง หลังสงครามกลางเมืองอเมริกาสงบลง ในปีค.ศ. 1865 อินเดียนแดงที่เคยมีอยู่เกือบล้านคนทั่วประเทศถูกสังหารหมู่เหลือไม่ถึงสามแสนคน ขณะที่คนขาวหลั่งไหลเข้ามาแย่งชิงดินแดนของอินเดียนแดงร่วม 30 ล้านคน
รัฐสภาสหรัฐกำหนดเส้นเมอริเดียนที่ 95 เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างผิวขาวและอินเดียนแดง โดยตกลงกันว่าคนผิวขาวจะล่วงล้ำเข้าไปในเขตตะวันตกไม่ได้ แต่คนขาวมักละเมิดอยู่เสมอ เพราะมีเสียงร่ำลือว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วยแร่ทองคำ เมื่อฝรั่งรุกเข้าไปเพื่อค้นหาทองคำ อินเดียนแดงจึงจับอาวุธต่อสู้กับคนขาวอย่างเต็มความสามารถ แม้อาวุธและกำลังจะน้อยกว่าคนผิวขาวก็ตาม สงครามยุติลงด้วยการทำสนธิสัญญาในปี คศ.1868 โดยให้อินเดียนแดงอพยพเข้าไปอยู่ในเขตสงวนแบล็คฮิลล์ ระบุในสัญญาว่าให้บริเวณนี้เป็นดินแดนของอินเดียนแดง
ในปี ค.ศ. 1872 มีการสำรวจพบสายแร่ทองคำที่แบล็คฮิลล์ในรัฐเซาท์ดาโกต้า บริเวณนั้นคือแผ่นดินของชนเผ่าซู (Sioux) ซึ่งเป็นอินเดียนแดงเผ่าใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตกของประเทศ ชาวซูเชื่อว่าที่นั่นเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณบรรพบุรุษ จึงไม่ควรแตะต้องหรือรุกล้ำ
ทันที่ที่ข่าวเรื่องทองคำแพร่กระจายออกไป นักขุดทองจำนวนมากเดินทางเข้าไปที่นั่นเพื่อขุดทองจึงปะทะกับนักรบเผ่าซู อินเดียนแดงฆ่าคนขาวที่บุกรุกแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของตน รัฐบาลสหรัฐจึงส่งตัวแทนมาเจรจากับชนเผ่าซู เพื่อขอซื้อที่ดินบริเวณแบล็คฮิลล์ แต่หัวหน้าเผ่าซิตติ้ง บูลล์หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า “เจ้าวัวนั่ง” ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลอย่างไม่ใยดี
รัฐบาลสหรัฐจึงส่งกำลังทหารจำนวนมาก นำโดยนายพลครู้ดนายพลคัสเตอร์และกรมทหารม้าที่ 7 ซึ่งเป็นหน่วยรบที่ดีที่สุดของกองทัพบกเวลานั้นเข้าโจมตีพวกซูทันที โทษฐานไม่ยอมขายแผ่นดินที่อุดมไปด้วยทองให้พวกคนขาว
ในปี ค.ศ. 1875 ทางการสหรัฐส่ง “จิ้งจอกสีเทา” ซึ่งก็คือกองทหารของนายพลครู้ดไปกวาดล้างค่ายอินเดียนต่าง ๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำพาวเดอร์ พวกทหารเผากระโจมแล้วสังหารเด็กกับผู้หญิงอย่างสนุกมือ ส่วนอินเดียนแดงที่เหลือหนีการไล่ล่าขึ้นไปรวมตัวกันทางเหนือกับซิตติ้ง บูลล์ (เจ้าวัวนั่ง) หัวหน้าเผ่า เครซี่ ฮอร์ส (ไอ้ม้าบ้า) นักรบของเผ่า
เหล่าอินเดียนแดงแทบทุกเผ่านับหมื่นๆคนไปรวมกำลังกับเผ่าของซิตติ้งบูลในฤดูร้อนปี คศ.1876 โดยตั้งกระโจมพักเรียงรายตลอดริมฝั่งแม่น้ำลิตเติลบิ๊กฮอร์น อาทิตย์ต่อมา กองทหารม้าที่ 7 นำโดยนายพลคัสเตอร์บุกเข้าโจมตียามรุ่งสาง โดยที่อินเดียนแดงยังไม่ทันตั้งตัว หรือเรียกแบบบ้านๆ คือ “หมาลอบกัด” นั่นเอง ฆ่าไม่เลือกหน้าไม่ว่าผู้หญิงหรือเด็ก
นักรบของเผ่ารุกต้านต่อข้าศึก นายพลคัสเตอร์นำกำลังส่วนใหญ่บุกข้ามแม่น้ำเข้ามา หัวหน้าเผ่าซิตติ้งบูลล์ สั่งเหล่านักรบกระจายกำลัง ดักซุ่มรอพวกทหารเข้ามาในวงล้อม เครซี่ ฮอร์ส นำกำลังจากอีกฝั่งหนึ่งเข้าโอบตลบหลังทหารม้าของคัสเตอร์เอาไว้อีกทางหนึ่ง เมื่อตกอยู่ในวงล้อม คัสเตอร์จึงนำกำลังที่เหลือขึ้นไปยึดพื้นที่บนเนินเขาไว้ แต่วงล้อมของนักรบอินเดียนแดงก็บีบเข้ามาเรื่อย ๆ แม้ทหารจะถอดอานม้าและสัมภาระมาวางเป็นที่กำบังแต่ไม่มีประโยชน์ นักรบที่คนขาวดูถูกนักหนาระดมยิงและบีบวงล้อมให้แคบเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดกรมทหารม้าที่เจ็ดอันลือชื่อว่าเก่งที่สุดในกองทัพก็สิ้นชื่อ ทหารทั้งหมดรวมทั้งคัสเตอร์เองก็ถูกสังหารหมดสิ้นในเย็นวันนั้น
ความพ่ายแพ้ของกรมทหารม้าที่ 7 ทำให้กองทัพบกโกรธแค้นมาก เพราะทหารที่ส่งไปเป็นหน่วยที่ดีที่สุดของกองทัพ เมื่อถูกคนป่าเถื่อนในสายตาของคนขาวฆ่าตายหมดเกลี้ยง ย่อมโกรธแค้นเป็นธรรมดา จากนั้นปฎิบัติการ “เอาคืน” ก็ตามมา ด้วยการส่งกองทหารม้าไปฆ่าอินเดียนแดงทุกคนที่พบ พูดง่ายๆว่า “ฆ่าก่อนถาม” นั่นเอง เห็นว่าเป็นอินเดียนแดงปุ๊บ ฆ่าได้ทันทีเหมือนฆ่าหมาตัวหนึ่ง แม้กระทั่งอินเดียนในเขตสงวนซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ไม่ละเว้น นอกจากนี้ยังส่งกองทัพไปไล่ล่าชนเผ่าซูโดยเน้นว่าอย่าให้เหลือรอดไปเลยแม้แต่คนเดียว!
กองทัพสหรัฐมีกองกำลังและอาวุธเหนือกว่าอินเดียนแดงบนหลังม้ามากมายหลายเท่าตัว หัวหน้าเผ่าจึงตัดสินใจอพยพขึ้นไปทางเหนือและข้ามพรมแดนไปในแคนาดาเพื่อลี้ภัย ซิตติ้งบูลล์ อยากให้ทุกคนย้ายไปอยู่ในที่สงบ แต่เครซี่ฮอร์ส ไม่ยอมย้ายตามไป เพราะไม่อาจละทิ้งแผ่นดินเกิดได้ ทหารสหรัฐเอาชนะไอ้ม้าบ้าเครซี่ฮอร์สได้เพราะลอบกัด นักรบผู้กล้าหาญแห่งเผ่าซูเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 35 ปีเท่านั้นเอง
ในปี ค.ศ. 1882 ทางการสหรัฐบีบบังคับให้หัวหน้าเผ่าซิตติ้งบูลล์ ผู้อพยพเข้าไปอยู่ในแคนาดาให้เข้ามอบตัว รัฐบาลแคนาดาและสหรัฐร่วมมือกันบีบให้ซิตติ้งบูลล์ออกมามอบตัว แม้ว่าในเวลานั้นอินดียนแดงจะอยู่ในเขตสงวนแล้วก็ตาม
ชายวัย 59 ปีถูกลากตัวออกจากที่พักอย่างไม่ปรานี ขณะชาวเผ่าซูต่างวิ่งเข้ามาช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าของตน เมื่อเจ้าวัวนั่งปฏิเสธการจับกุม ทหารคนหนึ่งก็ใช้ปืนยิงที่ศีรษะจนถึงแก่ความตาย ทิ้งเพียงเสียงร่ำไห้ให้ล่องลอยอยู่ในสายลมมาจนถึงปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี