สังคมไทยแตกกันเป็นหลายฝ่าย หลายพวก หลายกลุ่ม โดยเริ่มที่ฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายที่สถาปนาพวกตนว่าฝ่ายก้าวหน้า ทั้งหมดแตกแยกกันเพราะการเมืองและนักการเมืองทั้งนั้น เพราะหลงคิดว่าการเมืองและนักการเมืองฝ่ายตนจะสร้างความอยู่เย็นเป็นสุขให้แก่ทุกคนในสังคมได้จริง !
แต่มองไม่เห็นว่าตัวปัญหาหลักของประเทศชาติคือ “การเมืองและนักการเมือง” ในระบอบเลือกตั้งนั้นเองรวมทั้งข้าราชการขี้ฉ้อด้วย บรรดาประชาชนที่ถือข้างนักการเมืองที่ตนชื่นชอบ ชื่นชม หลงใหล จึงต่างฝ่ายต่างก็เชียร์ อวย ปกป้อง แก้ต่างให้นักการเมืองของตน และก่นด่าฝ่ายตรงข้าม
ตะบี้ตะบันทะเลาะกันกระทั่งในฝ่ายเดียวกันจนไม่ลืมหูลืมตาว่า “อะไรกำลังเกิดขึ้น”
นับแต่ชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษนิยมนำเอาทักษิณกลับเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้น ก็มีคนที่ถอยห่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมมากขึ้น ยิ่งต่อมาทักษิณทำตัวเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพล ควบคุมประเทศและรัฐบาล ทำความเสียหาย สร้างความปั่นป่วนในประเทศมากขึ้น แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่นำเขาเข้ามาในประเทศไทยก็ไม่มีใครรับผิดชอบจนวันนี้
หลายคนบอกว่า “สถานการณ์ยังไม่สุกงอม” หรือไม่เหมาะสมที่จัดการทักษิณตอนนี้
ผมก็เกรงว่า “กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้” เพราะจะยิ่งมีคนถอยห่างมากขึ้นอีก
ถ้าสังเกตความเห็นของคนเหล่านี้จะมี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.ส่วนที่ถอยห่างหรือไม่เอาฝ่ายอนุรักษนิยมแต่ไม่รู้จะไปทางไหน ซึ่งมีเยอะมากกว่าอีกกลุ่ม คือ 2.ส่วนที่เทฝ่ายอนุรักษนิยมไปเลย เพราะไม่เห็นประโยชน์ ไม่เห็นคุณค่า และไม่เห็นอนาคตว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ภายใต้อำนาจและบารมีของฝ่ายอนุรักษนิยม
ส่วนที่ 1.นั้นเมื่อถึงตอนเลือกตั้งก็จะกระจายกันเลือกพรรคต่างๆ แต่คนที่ถอยห่างแล้วนานวันเข้ายังเห็นประเทศชาติเละเทะมากขึ้นก็จะไปเลือกพรรคส้ม...เข้าทางการเซาะกร่อนบ่อนทำลายของพวกเขา
ส่วนที่ 2.ส่วนอีกพวกหนึ่งไม่เลือกพรรคส้ม แต่อาจจะเลือกพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมอีก ถ้าทำอะไรประสบผลสำเร็จ เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า
ส่วนที่ 3.ส่วนมากจะโนโหวต
ทั้ง 3 ส่วนนี้จะส่งผลให้ฝ่ายอนุรักษนิยมเสียกำลังการสนับสนุนลง ขณะเดียวกันพรรคส้มก็จะได้รับคะแนนมากขึ้น
ถ้าพรรคส้มได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะบ่อนเซาะสถาบันหลักได้ง่ายขึ้น และมากอย่างเป็นอัตราเร่ง เพราะมาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ด้อมส้มจะเป็น “ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก” ให้พวกนักการเมืองของตน แต่ถ้าพวกเขาเหิมเกริมก็จะนำความรุนแรงมาสู่สังคม ทหารก็จะเข้ามาอีกเช่นเคย!
ถึงตอนนั้นไม่มีใครทำนายได้ว่าทหารที่ยึดอำนาจจะอยู่ยั้งยืนยงหรือพังหรือไม่ จะนำความแตกแยกอย่างรุนแรงขึ้นอีกจนทำให้เกิดสงครามกลางเมืองหรือไม่ รวมทั้งจะฉุดรั้งเอาศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตามไปด้วยหรือไม่ ตามโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายก้าวหน้าว่า “ทุกครั้งที่ทหารยึดอำนาจนั้นมีพระมหากษัตริย์อยู่เบื้องหลัง”
แม้ทหารจะอยู่ยั้งยืนยงแต่ก็จะไม่นาน เพราะมันฝืนสำนึกประชาธิปไตยและอคติของคนส่วนมาก ต่อให้มีกองเชียร์เหมือนสมัยพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจก็ตาม โลกมันเปลี่ยนไปทุกวัน
และวันเวลาก็ทิ้งสิ่งเก่าเสมอ ไม่ว่าจะดีมีคุณค่า มีคุณประโยชน์หรือไม่
เพราะมนุษยชาตินั้นมีความเชื่อนำทาง! โดยเฉพาะความเชื่อใหม่ๆ
ฝ่ายอนุรักษนิยมที่นำเอาทักษิณเข้ามาในประเทศนั้นคาดไม่ถึงว่าเขาจะสร้างความหายนะให้แก่ประเทศได้อย่างที่เห็น และกำลังลากเอาฝ่ายที่นำเขาเข้ามาหายนะตามไปด้วย!
เขามาเพื่อแก้แค้นและเอากำไร ถ้าเขาพัง ทุกฝ่ายก็พัง ประเทศชาติก็พังนั่นคือท่าทีของเขาที่ชัดเจนมานานแล้ว
วิธีแก้ปัญหาอันดับแรกจึงต้องเรียกศรัทธาของพวกถอยห่างคืนมา ถ้าทำได้ก็จะทำให้สังคมดีขึ้นด้วยมันสมองของฝ่ายอนุรักษนิยมรู้ดีว่าจะทำอย่างไร
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี