อาจเป็นได้ว่า ที่มาของกฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 370 ของอินเดีย เพราะมีการตกลงกันระหว่างรัฐบาลอินเดีย กับ มหาราชาฮารี ซิงห์ เอาไว้ในสัญญาตอนแคชเมียร์เข้าร่วมกับอินเดีย ที่เรียกว่า INSTRUMENT OF ACCESSION ที่ระบุว่า
รัฐจามมูและแคชเมียร์จะต้องไม่ถูกบังคับให้ยอมรับกฎหมายรัฐธรรมนูญของอินเดียในอนาคต
และรัฐจามมูแคชเมียร์ มีสิทธิในการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญของตนเอง และ รัฐจามมูและแคชเมียร์มีสิทธิในการตัดสินใจว่า รัฐจามมูและแคชเมียร์ จะสามารถเลือกที่จะมอบอำนาจใดๆให้เป็นอำนาจของรัฐบาลกลางก็ได้
(มหาราชา ฮารี ซิงห์ - ภาพจากวิกิพีเดีย)
เป็นสิ่งที่รัฐบาลอินเดียยอมอ่อนข้อให้แก่รัฐจามมูแคชเมียรโดยเฉพาะ เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง เช่น ความสงบในดินแดนดังกล่าว หรือผลประโยชน์ส่วนตัวของใครบางคนก็ได้ ไม่มีใครรู้
หลังจากมาตรา 370 บังคับใช้ ชาวอินเดียส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่มีปฎิกิริยาใดๆต่อกฎหมายฉบับนี้ ราวกับว่า พวกเขาไม่ได้อ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญหรืออย่างไร
หรือพวกเขามองไม่ออกว่ามาตรา 370 จะทำให้ชาวอินเดียโดยเฉพาะชาวฮินดูสูญเสียสิทธิของตนเองไปอย่างมาก
แต่ก็มีอย่างน้อย 1 คน ที่มีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่แทบจะไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาเลย เพราะถูกอำนาจมืดปกปิดเอาไว้กว่า 70 ปี
(ชามา ปราสาท มุคเฮอร์จี- ภาพจากวิกิพีเดีย)
คนผู้นี้คือ ชามา ปราสาท มุคเฮอร์จี (SYAMA PRASAD MUKHERJEE) ผู้สร้างปณิธานของตนเองที่กลายเป็นคำขวัญของชาวอินเดียในยุคนี้ และ ของพรรคภารติยะ ชันตะ ด้วย
คำขวัญของเขาก็คือ “อินเดียเดียว ชาติเดียว” (ONE INDIA , ONE NATION)
เขาเป็นบุคคลคุณภาพของอินเดียอย่างแท้จริง เกิดในรัฐเบงกอล ขณะที่อายุเพียง 33 ปี เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยกัลกัตตา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย
หากใครเคยอ่านหนังสือที่เนห์รูเขียน 2 เล่มคือ GLIMPSES OF WORLD HISTORY และ THE DISCOVERY OF INDIA ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของเขาอย่างยิ่ง แต่ว่ากันว่า ความเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษของมุคเฮอร์จี เหนือว่าของเนห์รูด้วยซ้ำ
(หนังสือที่เนห์รู เขียน)
ในปี 1929 เขาเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มการเมืองที่เรียกว่า อินเดียน เนชั่นนัล คองเกรส (INDIAN NATIONA CONGRESS) เพื่อเป็นตัวแทนรับเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งสมาชิกสภาของรัฐเบงกอล และได้รับเลือกด้วย
ต้องเข้าใจบริบทของอินเดียในยุคนั้นก่อนว่า ช่วงก่อนอินเดียได้รับอิสรภาพนั้น คองเกรสมีสถานะเหมือนกลุ่มการเมืองของชาวอินเดียผู้รักชาติ และ เป็นช่องทางการเข้าสู่วงการเมือง เพราะในขณะนั้น อินเดียมีกลุ่มการเมืองอีกกลุ่มหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นมาในปี 1925 คือ กลุ่มการเมืองนิยมคอมมิวนิสต์
แต่ในปีถัดมา เขาก็ลาออกจากการเป็นสมาชิกของคองเกรส เมื่อกลุ่มคองเกรสตัดสินใจที่จะบอยคอตต่อสภาแห่งเบงกอล
ไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุของการลาออกจากกลุ่มคองเกรส ที่มีมหาตะมะ คานธี และ เนห์รู เป็นผู้ทรงอิทธิพลในกลุ่ม แต่หลักฐานในภายหลังระบุว่า มุคเฮอร์จี น่าจะเห็นความไม่ชอบมาพากลของ คานธี และ เนห์รู ในการนำพากลุ่ม
จะว่าไป คานธี และ เนห์รู ก็คือเผด็จการในกลุ่มคองเกรสนั่นเอง
คานธี และ เนห์รู เป็นเผด็จการอย่างไร และ มุคเฮอร์จี เป็นใคร รออ่านในสัปดาห์หน้าครับ
พบกับโปรแกรม เจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน ของฤดูกาลปลายปีนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นต้นไป บรรยายชมโดยผู้เชียวชาญอียิปต์ และเป็นผู้เขียนหนังสือไกด์บุ๊ค 4 เล่ม รวมถึงไกด์บุ๊ค “อียิปต์-กรีซ-ตุรกี” สอบถามได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี