เช้ามืดวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดตรงถนนข้างกำแพงวัดชัยรัตนาราม หรือ วัดบ้านไทย อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดทำให้ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 4 นาย จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีผู้ก่อเหตุ 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาจอดไว้ที่กำแพงวัด ก่อนจะมีรถอีกคันมารับตัวออกจากพื้นที่
ถัดมาอีก 1 สัปดาห์ ค่ำวันที่ 20 เมษายน 2568 เกิดเหตุกราดยิงชาวบ้านที่กำลังนั่งกินอาหารและพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน ในเขตอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มีผู้บาดเจ็บ 7 คน
วันเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน เวลาใกล้กัน แต่คนละอำเภอ เกิดเหตุลอบวางระเบิดหลังสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ใกล้กับชุมชนบ้านทอน ทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเด็กที่กำลังเดินไปเรียนศาสนา ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ซึ่งเด็กอายุน้อยที่สุดมีอายุแค่ 7 ขวบ สอบสวนเบื้องต้นพบว่า เป็นระเบิดที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง (อีกแล้ว)
อีก 2 วันต่อมา เช้ามืดวันที่ 22 เมษายน คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์กระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา บริเวณถนนสวนโอน บ้านคลองเรียน ห่างจากวัดกุหร่า ประมาณ 500 เมตร ขณะขับรถรับพระและสามเณร จำนวน 6 รูป จะไปบิณฑบาตในเขตเทศบาลสะบ้าย้อย ทำให้สามเณรพงษ์กร ลูกชายของ ร.ต.ทวัฒนา มรณภาพและสามเณร โภคนิษฐ์ โมราศิลป์ ได้รับบาดเจ็บ
เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่กลับมาเกิดขึ้นถี่ๆ อีกระลอกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา, ปัตตานี และนราธิวาส รวมถึงอีก 3 อำเภอในเขตจังหวัดสงขลา ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงอย่างแท้จริงเมื่อไหร่
ยุคแรกๆ ของการก่อการร้ายนำโดย ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani หรือ BRN) ถึงวันนี้ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่คนสำคัญของขบวนการไปปักหลักอยู่ในมาเลเซีย และมีการแตกตัวออกเป็นกลุ่มย่อยๆ หลายกลุ่ม คุมกันเองได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ช่วงหลังๆ แม้จะยังคงมีการปลูกฝังลัทธิความเชื่อในการปลดแอกปัตตานีเพื่อเป็นรัฐอิสลามจากครูสอนศาสนาที่สุดโต่ง แต่เอาเข้าจริง การใช้กำลังอาวุธเพื่อให้เกิดความหวาดกลัว ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย และทรัพย์สินของสังคมเสียหาย น่าสงสัยว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของชนชั้นนำในขบวนการมากกว่าเรื่องอุดมการณ์ โดยมีนักการเมืองเป็นอีกขาในการเคลื่อนไหวหรือไม่
สังเกตว่า นักการเมืองและเอ็นจีโอบางพวก จะไม่เคยกล่าวตำหนิเรื่องการใช้ความรุนแรงของคนร้าย แต่มักจะยกเรื่องการเจรจาสันติภาพขึ้นมากล่าว ทั้งๆที่การฆ่าคนตาย การเผาสถานที่ต่างๆ และการข่มขู่กรรโชกเรียกค่าคุ้มครอง ล้วนเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของสังคมบางคนถึงขนาดเสนอให้เป็นเขตปกครองพิเศษไปโน่น
ฝ่ายความมั่นคงของไทยก็เคยมีความพยายามเจรจากับขบวนการก่อการร้ายพวกนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ขณะเจรจาก็ยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ กระทั่งคนไทยมุสลิมด้วยกันก็ถูกสังหารไปไม่รู้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีคนในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่งที่เป็นแนวร่วมคอยสอดแนมและส่งข่าวให้ผู้ก่อการร้าย
อีกด้านหนึ่งก็คงมีการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อให้ประเทศเพื่อนบ้าน งดให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายมาบ้าง เช่น ข่าวว่ามีการส่งเยาวชนไปฝึกการรบที่อินโดนีเซีย หรือ การปล่อยให้คนร้ายข้ามพรมแดนไปหลบในมาเลเซียหลังก่อเหตุ แต่เพื่อนบ้านจะทำให้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะดูท่าแล้ว มาเลเซียก็คงไม่อยากได้ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ไว้ในประเทศเป็นการถาวร
ถ้าไม่ติดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑ ที่ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” ผมอยากเสนอให้กระทรวงมหาดไทยและกลาโหม ทำการสำรวจและสอบถามให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยว่า ครอบครัวไหนอยากเป็นประชาชนของประเทศไทย ใครอยากเป็นประชาชนของรัฐปาตานี
เมื่อได้จำนวนแน่ชัดแล้วก็มาดูพื้นที่ อยากได้นักก็แบ่งให้ไปสักส่วน ไม่ต้องมาตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษบ้าบออะไร แต่ไม่ได้ให้ทั้งหมดของ 3 จังหวัด และ 3 อำเภอของภาคใต้ แค่ให้ตามจำนวนคนที่อยากไปเป็นประชาชนปาตานี เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังเลือกจะเป็นประชาชนไทย ซึ่งรัฐก็จะจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้ใหม่
พวกที่อยากจะเป็นประชาชนของประเทศปาตานีหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อได้พื้นที่ส่วนหนึ่งสมใจไปแล้ว ก็คงต้องทำมาหากิน ค้าขายเลี้ยงดูตัวเอง เก็บภาษีกันเอง ตั้งรัฐบาล, สภา, โรงเรียน, โรงพยาบาล และสกุลเงินของตัวเองไป ประเทศไทยจะไม่ไปเกี่ยวข้องหรือช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าประเทศปาตานีอยากมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย ก็ทำหนังสือเป็นทางการมา และเจรจาเรื่องขอบเขตต่างๆ ประชาชนของประเทศปาตานีอยากเข้าเขตประเทศไทยก็ต้องมีพาสปอร์ต ส่วนจะให้เข้าหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของประเทศไทย แต่ถ้าไม่อยากมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันก็ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่ แค่อย่ามาวอแวหรือรุกล้ำอธิปไตยของกันและกันเท่านั้น
ผมคิดเพ้อเจ้อไปอย่างนั้นแหละ เพราะเบื่อหน่ายและเศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าวันที่ผมไม่อยู่บนโลกใบนี้ ความรุนแรงในภาคใต้จะจบ
หรือยัง
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี