เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวสยองขวัญอยู่ข่าวหนึ่งคือหน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นพบเรือลึกลับหลายลำมาเกยตื้น ตอนแรกยามชาวญี่ปุ่นคิดว่าเป็นเรือหาปลาธรรมดาเรือเหล่านี้เป็นเรือไม้ขนาดยาวราว 12.5 เมตร กว้าง 3.6 เมตร เมื่อตรวจสอบภายในเรือ เจ้าหน้าที่ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบศพจำนวนมากหลายศพเน่าเปื่อยจนไม่อาจระบุเพศและอายุได้กลิ่นเหม็นตลบไปทั่วลำเรือสันนิษฐาน เบื้องต้นว่าเรือลำนี้อาจเป็นเรือจากเกาหลีเหนือ
แต่นี่ไม่ใช่เรือเพียงลำเดียวที่หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นเจอก่อนหน้านี้มีเรือลึกลับแบบที่ว่าไม่ต่ำกว่า 12 ลำ มาเกยตื้นชายฝั่งของญี่ปุ่นในเขต 5 จังหวัดตั้งแต่ฮอกไกโด ฟุไกอิชิกาวะ ไปจนถึงอะโอโมริ ภายในเรือพบศพรวมกันมากกว่า 30 ศพจนชาวญี่ปุ่นเรียกเรือเหล่านี้ว่า “เรือผีสิง”เป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในละแวกนั้นที่สุด
นี่คือเรื่องจริงอันน่าสยดสยองยิ่งกว่าเรื่องผีและเรื่องลี้ลับใดๆในโลกชาวญี่ปุ่นคงต้องเจอกับ “เรื่องจริงผ่านเรือ” สุดหลอนต่อไปแต่อย่างไรก็ตาม
เรือหลอนเต็มไปด้วยอาถรรพ์นั้นมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ที่จนบัดนี้ยังไม่สามารถไขปริศนาดังกล่าวได้เลยเรือฟลายอิงค์ดัชต์แมนถือเป็นเรือผีสิงอันดับหนึ่งในโลกประวัติศาสตร์ยุคโบราณ นับเป็นเรือที่รู้จักกันดีจนปรากฎบนแผ่นฟิล์มหลายครั้งแม้กระทั่งเรือผีสิงในยุคอดีตแต่หลอกหลอนมาจนถึงปัจจุบันอย่างเรือควีนแมรี่ในแคลิฟอร์เนีย
ปริศนาเรือแมรี่ เซเลสต์ ยังคงความเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1872 ลูกเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติอังกฤษลำหนึ่งพบเรือแมรี่ เซเลสต์ ซึ่งเป็นเรือใบสองเสาขนาด 100 ฟุตลอยกลางทะเลอย่างไร้จุดหมายโดยปราศจากคนบังคับไม่มีคนบนเรือเลยแม้แต่คนเดียวกลางทะเลมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือระหว่างประเทศโปตุเกสกับหมู่เกาะอะซอเรสซึ่งเรือดังกล่าวมีกำหนดจะแล่นจากนิวยอร์คไปเจนัวในวันที่ 7 พฤศจิกายนปีเดียวกัน
สมาชิกในเรือลำนั้นประกอบด้วยกัปตันบริกก์ ภรรยาชื่อซาราห์ ลูกสาวชื่อโซเฟีย และลูกเรือ รวม 11 คน เมื่อเจอเรือร้างลำนี้จึงขึ้นไปสำรวจพบว่าไม่มีร่องรอยสิ่งมีชีวิตอยู่บนเรือเลยแต่น่าแปลกที่ว่าเรืออยู่ในสภาพราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่น
บนโต๊ะอาหารว่างของกัปตันยังพบร่องรอยไข่ลวกกระเทาะเปลือกทิ้งไว้ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ ไปป์ถูกวางไว้รอจุดรองเท้าถูกวางทิ้งทั้งๆที่ยังขัดค้างไว้อยู่ มีสมุดโน้ตของภรรยาเปิดคาเหมือนยังอ่านค้างอยู่ ทุกอย่างบ่งบอกชัดเจนว่าคนในเรือสละเรืออย่างเร่งรีบโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
สภาพห้องของเรือส่วนใหญ่ถูกรื้อกระจุยกระจายข้าวของหลายชิ้นตกแตกเกลื่อนเต็มพื้นเหมือนมีการต่อสู้กันบนเรือแต่เหล้าปริมาณกว่า 1,500 บาร์เรลยังอยู่ครบบันทึกเดินเรือถูกฉีกออกไปหลายหน้า แต่กลับไม่มีร่องรอยว่าทั้ง 11คน หายไปไหนและหายไปได้อย่างไร
สิ่งที่น่าตกใจคือวันสุดท้ายที่มีการบันทึกคือวันที่ 25 พฤศจิกายนหรือประมาณ 10 วันก่อนพบเรือลำนี้หากดูตำแหน่งเรือปัจจุบันจะพบว่าเรือแมรี่ เซเลสต์กางใบแล่นมาโดยปราศจากคนบังคับเกือบ 100 ไมล์ มีหลายทฤษฏีที่อธิบายเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นกับเรือแมรี่ เซเลสต์ เช่นคนบนเรืออาจถูกโจรสลัดฆ่าหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อราจนประสาทหลอนไปจนถึงถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว
แต่ทฤษฏีที่หลายคนยอมรับมากที่สุดคือเรือแมรี่เซเลสต์เผชิญกับพายุ ทุกคนเลยสละเรือ ต่อมาก็เสียชีวิตในทะเลทั้งหมดแต่ข้อสันนิษฐานนี้ไม่สามารถไขปริศนาได้ จนเรือถูกขายต่อไปและถูกจมทิ้งเพื่อหวังเงินประกัน ในปี ค.ศ. 1884 แต่ปริศนาครั้งนั้นยังไขไม่ออกจนถึงปัจจุบัน
เรือสินค้าเดินสมุทรลำหนึ่งชื่อ “เบย์ชิโม่” แม้จะถูกทิ้งให้เป็นเรือร้างแต่สามารถลอยทะเล ท่องมหาสมุทรแถวอลาสก้ากว่า 38 ปีโดยไม่มีกัปตันและลูกเรือบังคับเลยแม้แต่คนเดียว
เรือลำดังกล่าวเป็นของบริษัทฮัดสันส์เบย์ สร้างขึ้นใน ปี ค.ศ. 1914 เรือลำนี้ขนส่งสินค้าระหว่างแคนาดาและอลาสกาดังนั้นจึงออกแบบแข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อทนต่อสภาพอากาศแถบขั้วโลกเหนือที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1931 เรือเบย์ชิโม่ถูกปิดล้อมด้วยก้อนน้ำแข็งใกล้อลาสก้าหลังจากพยายามแก้ปัญหานี้ แต่ล้มเหลว
กัปตันและลูกเรือสละเรือเพื่อความปลอดภัยเมื่อคนของบริษัทกลับมาดูอีกทีพบว่าเรือลำนี้หายไปทุกคนคิดว่าคงจมลงก้นทะเลไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นซ้ำกลายเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องลึกลับในเวลาต่อมา
มีคนเห็นเรือเบย์ชิโม่ลอยรอบๆ อลาสก้าหลายครั้งแต่หายไปทุกครั้งอย่างไร้ร่องรอยเมื่อทีมกู้เรือมาถึงหลายครั้งที่เห็นเรือลำนี้ติดผืนน้ำแข็งก่อนที่จะหายไปเมื่อละสายตาทำให้ทุกคนขนานนามเรือลำนี้ว่า “เรือปีศาจแห่งอาร์กติก”
ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเรือลำนี้คือปีค.ศ. 1969 ในสภาพที่กำลังหลุดออกจากผืนน้ำแข็งอลาสก้า และสาบสูญไปตลอดกาลปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าเรือเบย์ชิโม่หายไปไหนหลายคนเชื่อว่าอาจจะจมอยู่ใต้ท้องทะเลเพราะหมดสภาพหลังจากหลอกหลอนผู้คนมาหลายปีนับว่าเป็นเรื่องลึกลับอีกเรื่องหนึ่งที่หาคำมาอธิบายไม่ได้
หากมีโอกาสกินลมชมวิวบนเรือเดินสมุทรที่แล่นระหว่างประเทศแถบยุโรปหรืออลาสก้า ลองสอดส่ายสายตาตามริมขอบฟ้า อาจจะมีโชคได้พบ“เรือปีศาจแห่งอาร์กติก” แล่นผ่านมาให้ขนลุกหรือไม่อาจจะเห็นกัปตันปีศาจยืนบังคับเรืออย่างสง่าในร่างโครงกระดูกพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี