แจ้งเกิดในวงการบันเทิงจากภาพยนตร์เรื่อง “วัยระเริง” เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ปัจจุบันสาวหน้าหวาน “เอ๋-พรรณษร ปฐมาภินันท์” หรือชื่อเดิม “เอ๋-พรวิภา” ได้หันหลังให้กับวงการมายาไปจับธุรกิจอย่างเต็มตัว และกลายเป็นเซเลบฯด้านแวดวงนักปั่นลำดับต้นๆ “สตาร์เรโทร” มีโอกาสเจอะเจอเธอในงาน Tour of Bangsaen 2016 จึงไม่พลาดที่จะอัพเดทชีวิตของเธอมาฝากแฟนๆ
เอ๋ได้มีโอกาสไปวิ่งเล่นอยู่ในวงการบันเทิงอยู่พักนึง แต่ว่าเมื่อก่อนจะใช้ชื่อพรวิภา หลังจากนั้นก็หันไปศึกษาต่อจนจบแล้วก็ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่สวนผึ้ง ราชบุรี เป็นรีสอร์ทแอนด์เบเกอรี่ค่ะ ชื่อ Morning Glory Resort & Bakery แล้วก็มีครอบครัวแล้ว แต่เหมือนว่าเราใช้ชีวิตแบบเป็นเพื่อนกันอยู่ ทำธุรกิจร่วมกันซึ่งก็โอเคแฮปปี้ดีค่ะมีเวลาว่างเยอะ แล้วกิจกรรมก็เยอะ เลยคิดว่าอยากให้คนหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้น เมื่อ 3 ปีที่แล้วเอ๋ออกไปปั่นกันเองในกลุ่มผู้ประกอบการ ชื่อกลุ่มว่าI LOVE สวนผึ้ง และเราก็เห็นว่าเส้นทางสวนผึ้งมันสวยน่าจะจัดแข่งปั่นจักรยาน หรือว่ากิจกรรมท่องเที่ยวได้ ก็เลยเริ่มเขียนรีวิวเส้นทางในเฟซบุ๊คของตัวเองเขียนเล่นๆ ในสื่อโซเชียลที่เรามี และมีคนแชร์เยอะมาก คนปั่นจักรยานก็เลยอยากมาเที่ยวมาปั่นที่สวนผึ้งกันมากขึ้น แต่เราไม่ได้รีวิวร้านนะคะว่าให้ไปกินขนม (ยิ้ม) จะรีวิวภาพมุมต่างๆ และเราได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำแผนที่เส้นทาง จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับอีเวนท์จักรยาน เราอยากให้สวนผึ้งเป็นเมืองจักรยานค่ะ
อยู่กับธรรมชาติกับสิ่งที่รัก
เป็นคนชอบใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ เพราะว่าใกล้บ้านตัวเอง คือบ้านเอ๋อยู่นครปฐม อีกอย่างเอ๋ชอบอยู่ป่าอยู่เขา ชอบสีเขียว ก็เลยรู้สึกว่าสวนผึ้งนี่แหละใช่เลย เดินทางจากกรุงเทพฯแค่ 2 ชั่วโมงก็ถึง แล้วที่บ้านของแฟนก็ชอบเหมือนกัน เลยค่อยๆ ปลูกบ้านอยู่อาศัย แล้วเพื่อนก็มากันเยอะ มีคนอยากไปหาที่สวนผึ้ง ก็เลยขยายจากบ้านพักธรรมดา เป็นห้องพักให้มีลูกค้ามาเช่าพักได้เป็นรีสอร์ท แต่ว่าเอ๋เองไม่ค่อยถนัดในการดูแลรีสอร์ท เพราะว่าเป็นคนชอบอยู่สงบๆ ก็เลยขอมาทำในส่วนของเบเกอรี่กลายเป็นร้านเบเกอรี่ที่ทุกคนแนะนำ มีรีวิวว่าที่นั่นเป็นเบเกอรี่ที่ดีที่สุด ถ้าเกิดคุณไปสวนผึ้งหรือราชบุรีต้องแวะเช็คอิน ก็ปลื้มค่ะ คือทุกอย่างในร้านเอ๋จัดการเองหมด เบเกอรี่เปิดมา 3-4 ปีแล้วค่ะ เป็นบรรยากาศแบบบ้านๆ ไม่ได้ติดแอร์ สถานที่เราค่อนข้างโดดเด่นเป็นธรรมชาติได้วิวเขาเต็มๆ ตอบโจทย์ตัวเองได้เลย เหมือนได้ไปเที่ยวและได้พักผ่อนสงบๆ ไปด้วย พอไปอยู่สวนผึ้งกลายเป็นว่าเพื่อนเก่าที่หายไปที่เราไม่เคยเจอก็ไปเจอกันที่นั่น เพื่อนไปหาเรื่อยๆ หลากหลายวงการ ทั้งวงการบันเทิง ธุรกิจ ท่องเที่ยว และตอนนี้ก็มีกีฬาเพิ่มเข้ามาอีก
เข้าสู่วงการนักปั่น
เอ๋หันมาจับจักรยานเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง และได้ลงแข่งงานต่างๆ กลายเป็นว่าคนจดจำเราจากวงการกีฬา วงการจักรยานไปเลย คนเห็นหน้าเอ๋เขาเรียกเราว่า “นางฟ้านักปั่น” แต่เราก็เขินนะคะ บางคนก็ยกให้เป็นเซเลบฯด้านจักรยาน แต่เราก็ปั่นของเราอยู่เฉยๆ นี่แหละค่ะ ถ้าคนติดต่อมาในแนวของคนที่มีอิทธิพลในวงการนักปั่น หรือไม่ก็เป็นแนวบล็อกเกอร์ที่สามารถเขียนรีวิวเส้นทางได้ มีเขียนหนังสือด้วยค่ะเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือจักรยานเอ๋วางตารางงานเองค่ะ ยังไม่ถึงขั้นว่าจะต้องมีผู้จัดการส่วนตัวมาดูคิว แต่งานก็เข้ามาแบบไม่ว่างเว้นเหมือนกัน พอมีงานโหมเข้ามา 4-5 วัน เราก็นึกถึงตอนที่เป็นนักแสดง ไม่ต่างกันเลย ตอนนี้เราก็โตหรือเรียกว่าอายุมากแล้วมันก็หมดพลังนะ ปีแรกเคยลงแข่งรายการเยอะมาก แข่งงานไหนเราก็ได้ขึ้นโพเดียมด้วย ติดหนึ่งในสิบตลอด ได้ถ้วย แค่ปีแรกเราก็เริ่มสนุก ได้ไปแข่งไตรกีฬาอีก แต่ไตรกีฬาจะโหดหน่อย แต่เอ๋ก็ไปถึงที่หมาย เล่นจริงค่ะ ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ การที่เอ๋จะมาเป็นอย่างที่คนเขาเรียกกัน เอ๋ผ่านประสบการณ์มาจริง เกิดอุบัติเหตุก็เคยมาแล้ว คือล้มหน้าฟาดหัวแตกกระดูกแก้มซ้ายหักก็รักษาตัวเองเรียบร้อย กลับมาปั่นได้เหมือนเดิม ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าหน้าเอ๋เล็กไปด้านนึง และมันจะดูแปลกๆ แต่บางคนจะดูไม่ออก เห็นว่าเป็นปกติ แต่เอ๋ไม่ได้ศัลยกรรมนะคะ หมอแค่ผ่าตัดแล้วก็ดันกระดูกลงมาชนกัน ใช้เวลาดูแลรักษาตัวเองอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ หมอที่ดูแลดีมากใช้นวัตกรรมใหม่เดี๋ยวนี้ดีตรงที่แปะตัวอะไรสักอย่างลงไป แล้วมันดูดน้ำเหลือง แผลเป็นก็เลยเป็นแค่สะเก็ด แล้วเอ๋ก็ทายา ดื่มน้ำผลไม้ ดื่มน้ำมะเขือเทศ หายไวมาก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราก็เขียนได้เลยว่าเราดูแลตัวเองยังไง แต่ไม่ได้ทำให้เราท้อเลยนะพอเรารู้ว่าดีขึ้นแล้ว 2 อาทิตย์เอ๋ก็ปั่นจักรยานได้เหมือนเดิม ปั่นขึ้นดอยแม่สลองไปไหว้พระธาตุ ข้อคิดที่ได้จากการเกิดอุบัติเหตุคือทำให้เรารู้ว่า เราต้องปั่นอย่างระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เราไม่ประมาทเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและมีสติตลอดเวลา
ภาพของการเป็นนักแสดง
ก็ยังมีคนจำได้บ้าง บางทีเจอลูกค้าเขาก็ทักว่าคุ้นๆ นะเหมือนเป็นนักแสดงเป็นดารามาก่อนไหม จำได้ว่าเคยเล่นเรื่องนั้น เราก็เขินอายๆ เพราะว่านานมากแล้วค่ะ (โอกาสที่จะกลับเข้ามาในวงการบันเทิง ?) โห! ตอนนี้เอาจริงๆ ในเฟซบุ๊คเอ๋ก็มีหลากหลายวงการนะ อย่างพี่ๆ ที่เป็นผู้กำกับเก่าๆ แต่เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้กับการที่เราใช้ชีวิตแบบนี้ที่สวนผึ้ง คือพอเราหันมาเล่นจักรยานก็กลายเป็นที่รู้จักในวงการนี้ไปแล้ว เราก็ค่อนข้างมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ หนังกับละครเล่นแล้วถามว่าให้กลับไปเล่นเป็นอะไรคะ คุณแม่แล้วไหม (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้เด็กใหม่เยอะมากจนเราจำไม่หมด ทุกอย่างเร็วมากเกิดกันปุ๊บปั๊บรายวันเลย แล้วหน้าเอ๋ ไปทางเรียบร้อย บทก็จะมาแบบเรียบๆ ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เล่นเก่งอะไรมาก เอ๋อาจจะไม่ใช่นักแสดงโดยอินเนอร์ หรือว่าโดยสายเลือด รู้สึกว่าเวลาที่เราเล่นละครมันแข็งมาก เคยเจอพี่กอบสุข จารุจินดา ที่ไปถ่ายละครที่สวนผึ้งได้นั่งกินข้าวคุยกัน เขาก็บอกว่าหน้าแบบเราจะเล่นเป็นบทแม่ก็ไม่ได้ เพราะยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น แล้วไปเล่นคู่กับนางเอกบางทีก็ยังไม่ได้ คาแร็กเตอร์ก็หายากด้วย ดังนั้นเอ๋ก็เลยขออยู่แบบเงียบๆ ดีกว่า คอยต้อนรับเพื่อนฝูงดีกว่า ตอนนี้เพื่อนๆ ในวงการบันเทิงระดับนางเอก จนถึงทั่วไปก็ยังแวะเวียนมาหาเรา ซึ่งทุกคนน่ารักมาก เราก็เลยเป็นเหมือนเจ้ที่รอต้อนรับเป็นที่ปรึกษารวมตัวของน้องๆ ในวงการจักรยานก็เหมือนกันค่ะ เราจะมีคอนเนคชั่นเยอะมีงานโปรโมทท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อยๆ
หลากหลายผลงานที่ฝากไว้
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เอ๋เล่นหนังเรื่อง “วัยระเริง”และมีอีกเรื่องคือ “CCJ แสบฟ้าแลบ” เล่นกับ พี่เจมส์-เรืองศักดิ์ งานอื่นส่วนมากจะเป็นของอาร์เอสก็มีละครซีรี่ส์ละครสั้น แต่ถ้าเป็นละครยาวที่คนรู้จักเราเยอะก็เป็นละครเรื่อง “ตำรับรัก” เวอร์ชั่นช่อง 3เล่นเป็น “คุณแต้ว” หลังจากนั้นก็มีละครหลายๆ แนวติดต่อมา และเคยเล่นกับทางไอทีวีสมัยนู้นเลยค่ะมีเล่นรับเชิญนิดๆ หน่อยๆ ในละครคนส่งกรรม บันทึกกรรม คือมีพี่ผู้กำกับเก่าๆ เขาติดต่อเข้ามาเขาคิดถึง แต่เอ๋จะบอกว่ากลับไปเล่นแล้วเป็นท่อนไม้ หรือว่าเป็นหุ่นยนต์มากเลยนะ ผลงานที่แจ้งเกิดให้เอ๋ถือว่าเป็นหนังเรื่อง “วัยระเริง” ค่ะเป็นเรื่องเดียวที่เล่นแล้วรู้สึกว่ามันที่สุด อินเนอร์ไปเต็มเลยนักแสดงตอนนั้นมีน้องคาเรน, หลุยส์ สก็อต,เต๊ะ-ศตวรรษ
จากสาวบู๊ขาลุยสู่บทเรียบร้อยเจ้าน้ำตา
ตอนนั้นเป็นนักศึกษาเฟรชชี่อยู่เลย แล้วทางไฟว์สตาร์เขากำลังแคสหานักแสดงที่จะไปเล่นหนังเรื่องวัยระเริง เพื่อนๆ ก็บอกให้เราลองไปแคสดู คือเพื่อนสนับสนุนเอ๋มาก ลองไปอยู่โมเดลลิ่งนั่นนี่สิ แต่เอ๋ก็ไม่ชอบไป เพราะว่าขี้เกียจไปแคสงาน รู้สึกว่ามันวุ่นวาย ต้องไปแย่งชิงกับคนอื่นเขา เราก็ไม่ค่อยได้ไปหรอกค่ะงานไหนจะได้มันก็มาเอง (หัวเราะ) แต่ไม่ได้เป็นคนที่หยิ่งเริดเชิดอะไรนะคะ เพียงแต่ใจเอ๋ไม่ได้มุ่งมาที่การเป็นดารานักแสดง ความฝันตอนเด็กคืออยากเป็นตำรวจหญิง อยากยิงปืนเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์ ชอบกีฬาเอาท์ดอร์อะไรที่สนุกๆ ตอนเรียนได้ไปซ้อมยิงปืนฝึกงานกับสารวัตรหญิงซึ่งชอบมาก แล้วยิงแม่นด้วยนะ เรารู้สึกว่าชอบสนุก อยากขี่ม้าอยากยิงปืน แต่ว่าพอไปแคสหนังวัยระเริงก็ได้เล่นเลยเขาส่งบทมาให้เล่น เป็นบทดราม่าร้องห่มร้องไห้เอ๋ก็ร้องไปบ้าบอพูดไปตามบท แล้วตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราชอบ ปลื้มพี่คนนึงในวงการก็คือ พี่นิ้ง-กุลสตรี รู้สึกว่าพี่นิ้งสวย เราชอบพี่เขามาก ซึ่งบทที่เขาส่งมาให้เราแคสก็ดันเป็นหนังที่พี่นิ้งเคยเล่นเอาไว้ เรื่องวัยระเริง เป็นหนังที่ใช้นักแสดงหน้าใหม่เล่นหมดเลยเราก็เลย เออๆ ลองดู และพอได้เล่นเรื่องนั้น งานมันก็เริ่มมีเข้ามาเอง เห็นภาพเราโดยที่ไม่ต้องไปแคสติ้งก็ได้ สมัยก่อนจะดูใสๆ ถ้าเทียบวงการบันเทิงสมัยนี้กับเมื่อก่อนเปลี่ยนไปเยอะนะคะ คือหน้าตาสมัยก่อนก็จะสดๆ แต่งหน้ากันบางๆ ไม่มีอายไลน์เนอร์ไม่ติดขนตาปลอม แต่สมัยนี้ต้องจัดหน้าเต็มทุกสิ่งอย่าง เราก็เลยคิดว่าเราอยู่ในยุคนั้นก็น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ (หัวเราะ) แต่กลายเป็นว่าเราก็ยังต้องมาวนเวียนกับการปั่นจักรยานที่ปั่นไปปั่นมาจะสงบก็ไม่ใช่แล้ว เพราะว่าเราต้องเข้ามาเจอคนที่ปั่นเหมือนกัน แต่เป็นเซเลบฯที่ต้องออกสื่อด้วย เหมือนยังวนเวียนอยู่ในวงการอยู่เลยค่ะ ซึ่งดีที่เราได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ ก็เลยไม่รู้สึกว่าเหนื่อยค่ะ
ชีวิตคู่ที่ลงตัว
แฟนเอ๋เขาจะเป็นคนคอยสนับสนุนซัพพอร์ทเราทุกเรื่องเลย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ราชบุรีนี่แหละค่ะ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ตอนแรกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำงานบริษัทแล้วเกิดเบื่อชีวิตการทำงานแบบคนในเมืองที่เหมือนว่างานมันโหลดหนักมาก แล้วเขาก็ไม่มีเวลาส่วนตัว ก็เลยตัดสินใจยื่นใบสมัครไปเป็นอาจารย์สอนที่ราชภัฏ เขาได้สอนในสิ่งที่เขาชอบ เขาก็มีความสุข ตอนนี้ก็เพิ่งจบดอกเตอร์ด้วยค่ะ ที่บ้านเขาก็ทำธุรกิจรีสอร์ท แต่เขาจะเป็นแนวชอบมาช่วยเอ๋ในด้านเบเกอรี่มากกว่า ตอนนี้ร้านเบเกอรี่เอ๋กำลังไปเปิดอีกร้าน ที่ซีนเนอรี่ค่ะ ชื่อร้าน Grandma’s Oven กะว่าจะทำให้เป็นร้านชิลๆถ้าใครไปสวนผึ้ง ซีนเนอรี่คือที่เที่ยวที่ทุกคนต้องไปเช็คอิน เอ๋กับแต๊งค์ (ดร.ปิรันธ์ ชิณโชติ) เราเป็นเพื่อนกัน รุ่นเดียวกันนี่แหละค่ะ แต่เราเรียกเขาว่าพี่เพราะว่าเขาเป็นพี่ในครอบครัวเขาด้วย คบกันถึงปัจจุบันก็ 17 ปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ตอนที่เป็นนักแสดงช่วงปลายๆ แต่แต๊งค์เขาเจอเอ๋ก่อนนะคะ เขาเคยเห็นเราไปถ่ายหนังที่มหา’ลัยที่เขาเรียนคือเอแบค แล้วเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่มีพี่ในวงการที่เขาชอบความสงบเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่คนนั้นก็ไม่ได้อยู่ในวงการแล้วนะ พี่เขาชวนไปกินข้าวกัน แล้วก็มีแต๊งค์ไปด้วย เขาแนะนำให้เรารู้จักกัน ก็อยู่กันมา แต่งงานกัน แล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนดูแลกันเป็นเพื่อนกัน เพราะว่าเราก็ไม่ได้มีน้อง เอ๋ก็เลี้ยงหลานอุ้มลูกคนนั้นคนนี้ คือถ้ามีลูกก็ไม่รู้ว่าเราจะมีอิสระและสามารถไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่อยู่ไหม ใช้ชีวิตแบบนี้สนุกดีค่ะอยากไปไหนก็ไป เราสองคนจะคล้ายกันคือชอบความสงบชอบใช้ชีวิตแบบไปเที่ยวได้
อยู่กับคนที่รัก ทำในสิ่งที่รัก คือความสุข
ชีวิตตอนนี้แฮปปี้มากได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ รักด้วย ถึงขั้นเรียกว่ารัก แล้วก็มีแฟนคลับที่ชอบเกี่ยวกับจักรยานมาคอยให้กำลังใจ มีเพื่อนวงการจักรยานมากขึ้น มาติดตามกันเต็มเลย ถึงแม้ว่าเอ๋จะไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแล้ว แต่ว่าก็มีFC นะคะ(หัวเราะ) แล้วเหนียวแน่นมากด้วย ชวนไปปั่นที่ไหนไปหมด ไปงานก็ถ่ายรูปกันแบบน่ารักมีมิตรภาพ เป็นสังคมที่น่ารักและได้สุขภาพที่ดีได้ทำธุรกิจที่เราดูแลอย่างเช่นเบเกอรี่ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและเราก็เลือกที่จะทำเอง ก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตดูลงตัวและแฮปปี้ คู่ชีวิตก็เป็นคนที่น่ารักนิสัยดีเข้ากับทุกคนได้ดี ส่งเสริมกันในทุกเรื่องเลยรู้สึกว่าชีวิตแฮปปี้แล้วค่ะ
น่าอิจฉาจริงๆ ค่ะ กับชีวิต “นางฟ้านักปั่น” ของสาว เอ๋-พรรณษร ปฐมาภินันท์
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี