นักแสดงหนุ่มมาดเข้ม บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์ โลดแล่นในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปี และมีผลงานการแสดงให้แฟนๆ ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะไม่ได้ยืนในระดับแถวหน้า แต่ด้วยความมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ ทำให้บิ๊กเป็นที่จดจำและประทับใจของผู้ชม ซึ่งกว่าที่เขาจะมาถึงณ จุดนี้ได้ ต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคมาไม่น้อย วันนี้บิ๊กพร้อมที่จะแชร์ทุกประสบการณ์ ให้แฟนๆ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ได้ทราบกัน
ชีวิตเริ่มต้นบนถนนสายดนตรี
ผมชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็ก มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักดนตรี อยากขึ้นเวทีมีคอนเสิร์ต จนกระทั่งมีวง Soul After Six (โซลอาฟเตอร์ซิกซ์) โดยผมเล่นตำแหน่งเบส มีผลงานอัลบั้มแรก “Soul After Six” ในปี พ.ศ. 2539 เพลงที่หลายคนน่าจะรู้จักก็คือ “ก้อนหินละเมอ” วงเราไม่ได้โด่งดังอะไร เป็นวงเฉพาะกลุ่มซึ่งตอนนี้ก็ยังเล่นอยู่ด้วยความรัก เล่นดนตรีด้วยกันมา 28 ปีแล้วครับ ส่วนคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคิดไว้เหมือนกัน แต่คงไม่ได้จัดใหญ่โตอะไร อยู่ในขั้นตอนของการคุยกัน เดี๋ยวคืบหน้ายังไงไว้ผมมาอัพเดทให้ทราบครับ หรือติดตามกันได้ที่ยูทูบ SoulAfterSixBand กับเฟซบุ๊คแฟนเพจ Soulaftersixband
หักเหสู่เส้นทางงานแสดง
อยู่ดีๆ วันหนึ่งต้องมาเล่นละครเรื่อง “กุหลาบที่ไร้หนาม” ของกันตนา พี่ตู่ (นพพล โกมารชุน) เป็นพระเอก พี่นุช (ปรียานุช ปานประดับ) เป็นนางเอก ผมเล่นเป็นพระรองคู่กับ น้ำฝน (กุลณัฐ ปรียะวัฒน์) ได้บทดีมากด้วยนะตอนนั้น แต่เราไม่รู้เรื่องการแสดงอะไรเลย ต้องเล่นอะไรยังไง กล้อง ไฟ ต้องทำยังไง เพราะเป็นนักดนตรีอยู่ดีๆ พี่ตู่ก็ชวนมาเล่นละคร แล้วพอจบเรื่องนั้นพี่ตู่ก็บอกว่าบิ๊กไปฟิตหุ่นหน่อยนะ อีกสัก 2-3 ปีข้างหน้า เดี๋ยวอาจจะชวนมาเล่นละคร ซึ่งผมก็ลืมไปแล้วนะ และไม่คิดว่าแกจะจำเราได้ เราก็เป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่งและหลังจากนั้นก็ตัดสินใจไม่เอาแล้วการแสดง ไปเรียนต่อดีกว่า ไม่ชอบเลย เลิก แต่ปรากฏว่าพี่ตู่ให้ธุรกิจกองถ่ายโทร.มาหา แล้วบอกว่าจาก เป่า จิน จง พี่ตู่ให้ติดต่อมาเล่นละคร ผมก็งง ตกใจ เอาจริงเหรอ (หัวเราะ) จำเราได้ด้วยเหรอเนี่ย เพราะหลังจากละครเรื่องนั้น ผมก็ไม่เจอพี่ตู่อีกเลย ตลอดระยะเวลา 3 ปี พี่ตู่ก็ยังจำได้ และให้คนโทร.มาตามไปเล่นเรื่อง“เก็บแผ่นดิน” และหลังจากนั้นก็เลยยาวเลย จนมาถึงทุกวันนี้
ผลงานแจ้งเกิด
ผมว่าน่าจะเป็นเรื่อง “เก็บแผ่นดิน” หลังจากนั้นก็มาเรื่อง “เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว” แล้วก็มีเรื่อง “ถึงแม้เลือกเกิดได้” ที่คนชอบและพูดถึงเยอะเหมือนกันจนบางคนอาจจะติดภาพผมเป็นตัวร้ายบ้าง ไม่เป็นไร ผมดีใจด้วยซ้ำไปนะ ที่คนเชื่อและติดตามผลงานเรา นั่นแสดงว่าเขาชอบที่เราเล่น ชอบที่เราแสดง ผมว่าน้อยคนนะที่เล่นเป็นตัวร้ายแล้วคนจะชอบ คือส่วนใหญ่เล่นเป็นตัวร้ายคนจะเกลียด พอเราเล่นร้ายแล้วคนชอบผมก็รู้สึกดีนะ (หัวเราะร่วน)
หัวใจสำคัญในการเป็นนักแสดง
ผมในฐานะนักดนตรีและนักแสดงอาชีพคนหนึ่ง ผมบอกเลยว่าสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ วินัย แล้วก็ความจริงใจต่ออาชีพตัวเอง ถ้าคุณจะเข้าวงการบันเทิงมาเพื่อตักตวงชื่อเสียงเงินทอง มันก็อาจจะอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าคุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์กับงาน สิ่งนั้นจะอยู่กับเรานานมาก ยกตัวอย่าง ถ้าเป็นตัวผมเอง ผมไม่ใช่คนที่ดังอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ใช่คนที่เสิร์ชอินเตอร์เนตออกมาแล้วจะเจอแต่ข่าวดีๆ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนนึกถึงมีผู้จัดผู้ใหญ่หลายๆ คน คิดถึงและยื่นงานให้เรา สิ่งนั้นไม่ได้มาจากชื่อเสียง แต่มาจากความตั้งใจและวินัยที่เรามีให้งาน ซึ่งเราสะสมมาเป็นประจำ ทำให้เขาเห็น เก่งไม่เก่งไม่สำคัญเลย พี่ตู่เคยสอนและบอกผมเสมอว่า “คนไม่เก่งแกไม่ติดอะไรนะ แกจะติดตรงที่คนไม่ตั้งใจ เพราะฝีมือฝึกได้”
ผลงานล่าสุดที่ภาคภูมิใจ
ก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสเล่นเรื่อง “บางระจัน” ของค่ายบรอดคาซท์ฯ ผมเล่นเป็น “ทองแสงใหญ่” บุคคลที่มีตัวตนจริงๆ แล้วครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งที่สองกับละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งกำลังออกอากาศทางช่อง 3 ผมรู้สึกปลื้มปริ่มมาก ภูมิใจที่เราได้มาถ่ายทอดบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ อย่างในเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ผมได้เล่นเป็น สมเด็จพระเพทราชา ซึ่งการแสดงเรื่องนี้ค่อนข้างยาก เราก็ต้องหาข้อมูลและทำการบ้าน พยายามหาเรื่องเล่าประวัติ อุปนิสัยของท่านที่มาที่ไป เป็นการบ้านในหัวไว้ส่วนหนึ่งแล้วพอวันถ่ายก็มาคุยกับพี่ใหม่-ภวัต พนังคศิริผู้กำกับอีกส่วนหนึ่งว่า พี่ใหม่อยากให้เป็นแบบไหน ไปทิศทางไหน บทยากมาก คำที่พูด ไม่ใช่คำที่เราใช้ปัจจุบันทุกวัน เป็นคำโบราณ บางทีไม่เข้าปาก เราเล่นด้วยความเข้าใจก็จริงนะ เวลาถ้าเป็นละครปัจจุบันจะมีคำพูดที่เราพูดออกไปในไดอะล็อกนั้นๆ ที่คงความหมายไว้ แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่มีเลย คือเข้าใจนะแต่เราไม่สามารถลืมหรือหลุดคำใดคำหนึ่งไปได้ จะทำให้ความหมายเปลี่ยน และขาดใจความสำคัญ
นอกจากนี้ในเรื่องของการแต่งตัวก็โคตรยากเลย(หัวเราะ) ทรงผม ไปซ้ำกับอีกเรื่องที่ถ่ายอยู่พี่ใหม่ก็เลยให้ทำทรงใหม่เป็นรวบขึ้นเกล้ามวย ฉะนั้นก็จะต้องใช้เวลาทำนาน ส่วนโลเกชั่นที่ประทับใจคือ วันแรกที่เข้าฉากเป็นวัดที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตอนนั้นเราก็เตรียมตัวไปประมาณหนึ่ง เป็นฉากที่พระเพทราชาเรียกทุกคนมาคุยว่าเราจะทำการยึดอำนาจ ซึ่งมันเป็นฉากแรกที่เพิ่งไปถึง โอ้โห...ฉากนั้นฉากเดียวดึงทุกอย่างออกมาได้หมดเลย อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ และโชคดีที่ทางกองถ่ายเขาให้เราเล่นฉากนี้ก่อนมันทำให้เราอินและรู้สึกขลัง เพราะเป็นวัดเก่า ฉากนั้นทำให้เราเข้าใจทุกอย่างเลย
หลงเสน่ห์การเล่นละคร
ชอบครับ ผมว่ามันมีความท้าทายตลอดเวลา แล้วเราก็ได้เล่นบทบาทที่เปลี่ยนไปเรื่อย เล่นตั้งแต่เป็นพระรอง เป็นพระเอกอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นตัวร้าย เป็นตัวดี จนกระทั่งตอนนี้เล่นเป็นพ่อบ้าง ถือว่าผ่านมาเยอะนะ กว่า 20 ปีที่เราเล่นละครมา ก็เห็นอะไรมาเยอะ ผ่านอะไรมามากมาย ทุกรูปแบบ ทุกอย่างก็สอนการใช้ชีวิตให้เราด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับผม วงการบันเทิงเป็นหลายอย่างในชีวิตผมเลย มีทั้งช่วงที่เหลิง ช่วงที่เราทำอะไรไม่ดี แล้วสิ่งพวกนี้ก็กลับมาสอนเรา คือเข้ามาแรกๆ จากคนไม่มีใครรู้จัก จนกระทั่งมีชื่อเสียง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวโต ตัวพองแล้วก็แบบมีชีวิตอยู่แบบนั้น จนมีเรื่องเกิดขึ้นมา ก็เลยทำให้เราฉุกคิดว่า เฮ้ย..สิ่งที่เราคิดเป็นยังไง ก็เหมือนเป็นละครชีวิตเรื่องหนึ่งของนักแสดงแต่ละคนว่าจะเจอกับอะไร ผมก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นละครชีวิตที่มีทั้งถูกและผิดเรียนรู้กันมาเรื่อยๆ ครับ
บทเรียนชีวิต
ตอนนั้นยอมรับครับว่ามาจากความคึกคะนอง ถ้าไม่เกิดก็ดี แต่มันเกิดมาแล้ว ผมก็ใช้เวลานานนะกว่าจะผ่านพ้นมาได้ ตอนนี้น้องปิ๊ก (ลูกชาย) ก็เจอกันและคุยกันมากขึ้น คือเมื่อก่อนผมไม่เอาเลยนะจนสุดท้ายก็คิดได้ว่าเราจะมาตั้งกำแพงทำไม อาจจะเพราะเราโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ล่าสุดวันเด็กที่ผ่านมา พาไปปั่นจักรยานที่สุวรรณภูมิ ผมว่าเขาก็มีความคล้ายๆ ผมนะ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเลยคือ เขาสูงกว่าผมแล้วตอนนี้ (หัวเราะ) ส่วนอนาคตของเขา ผมไม่ได้บังคับหรือวางอะไรไว้เยอะ เท่าที่คุยกันคือชอบอะไรทำเลย ไม่ห้ามเลย แต่ขอแค่อย่างเดียว ห้ามยุ่งเรื่องยาเสพติดอย่างเด็ดขาด นอกนั้นชอบอะไร พุ่งเป้าไปทางนั้นได้เลย แล้วแต่ ไม่บังคับ
อัพเดทสถานะหัวใจหนุ่มวัย 46
มีแฟนครับตอนนี้ เขาก็โอเค เป็นคนนอกวงการ รู้จักกันมาจริงๆ ก็ 6 ปีแล้วล่ะ แต่ว่าก็รู้จักแล้วก็ห่างๆ กันไป เขาก็ไปอยู่เมืองนอกบ้าง ตอนนี้อายุเราก็เยอะแล้ว คงไม่ใช่ความรักที่จะมาหวือหวา
อะไรมากมาย เป็นเหมือนว่าเรามีคนรู้ใจที่เราไว้ใจเขาไว้ใจเรา เราไว้ใจเขา เป็นที่ปรึกษากันและกัน คุยกันรับฟังกันและกัน อยู่ด้วยกันไปแบบนี้มีความสุขดีครับ
ไลฟ์สไตล์นักบิด
ผมเป็นคนง่ายๆ ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ มีทั้งรถเล็ก รถใหญ่ แล้วก็รถแข่ง และแข่งรถมาแล้ว 3 ปี ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ 4 ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้คือการพักผ่อน เป็นอิสระดี มีแค่เรากับรถ คือเหมือนมีอะไรที่ปลุกตัวเราตลอดเวลา ผมเคยพลาดเกิดอุบัติเหตุชนหนักมากในปีแรกที่ลงแข่ง ตอนนั้นซี่โครงข้างหลังหัก 2 ซี่ กระเด็นตีลังกาไม่รู้กี่ตลบ เอ็นหัวไหล่ฉีก เอ็นข้อเท้าซ้ายอักเสบ เดินไม่ได้ ต้องไปหัดเดินใหม่ แต่ก็ยังกลับมาแข่งต่อ มันเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยตอนนั้นซึ่งอุบัติเหตุครั้งนั้นก็เป็นสิ่งที่คอยเตือนเราว่าทำไมเราถึงชน เพราะว่าเราเหนื่อยและไม่ยอมพักเหนื่อยแล้วไม่ยอมหยุด ฉะนั้นถ้าเราเหนื่อยเราต้องหยุด อันนั้นคือหนักที่สุดในชีวิต ซึ่งจากเหตุการณ์นั้น ทำให้ผมเลิกซิ่งบนถนนเด็ดขาดเลยนะ ตอนนั้นอุปกรณ์เซฟตี้ครบ เรายังเจ็บขนาดนั้นแล้วถ้าขี่บนถนนใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ถ้าชนแบบวันนั้นตายแน่นอนครับ ไม่มีทางรอด
ต่อยอดความสุขด้วยธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ
ผมคงทำงานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ครับ ตราบใดที่มีคนให้เราเล่น ให้เราแสดง ก็รับไปตลอด อย่างอื่นก็คงต้องมีทำบ้าง ที่จะมาเสริมคงเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่นั่นแหละครับ ตอนนี้ผมก็ทำบริษัท Japan Rider เป็นบริษัทที่ผมหุ้นกับเพื่อนอีก 3คน เปิดบริษัทตัวแทนรถมอเตอร์ไซค์เช่า จับมือกับบริษัท Rental819 ของประเทศญี่ปุ่น เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งถ้าใครอยากไปขี่รถ ไปเช่ารถที่ญี่ปุ่นก็ผ่านเรา ตอนนี้ทำมาประมาณ 2 ปีแล้วครับถือว่าไปได้ดี มีลูกค้าไปและมีโอกาสจัดเป็นอีเว้นท์ใหญ่ๆ ให้กับบริษัทรถจักรยานยนต์ จัดให้เขาแบบครบวงจร เรามีแบบติดต่อประสานงานเช่าให้ก็ได้ แล้วไปกันเอง หรือจะให้เราทำให้ทั้งหมดก็ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ผมรักและชอบ ผมยังคิดเลยว่าบั้นปลายชีวิตผมก็คงขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวไปเรื่อยๆ ไปให้หมดเลยทุกที่
อีกหนึ่งนักแสดงฝีมือดีมีวินัย ที่ซื่อสัตย์กับอาชีพอย่างจริงใจ ไม่ฉวยโอกาสดังจากข่าวฉาว เรียกว่าเน้นทำทุกผลงานด้วยความมุ่งมั่น และพยายามสร้างสรรค์งานอย่างมีคุณภาพ จึงทำให้เขายืนหยัดมาถึงทุกวันนี้
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี